คำว่า แนวราบ หมายถึง ได้มีการขยายฐานการศึกษาออกไปตามที่ต่างๆ ที่มีวัด(วิหาร)ตั้งอยู่ พัฒนาวัดให้เป็นศูนย์การศึกษา และเป็นไปได้ว่ามีการขยายการศึกษาไปสู่กลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เฉพาะ พระสงฆ์ในวัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคฤหัสถ์และแม้กระทั่งคนที่นับถือลัทธิอื่นด้วย นอกจากนี้ สาขาที่ศึกษาได้ขยายครอบ คลุมวิชาการของพวกชาวบ้านและของลัทธิศาสนาอื่น คำว่า แนวลึก หมายถึง ได้มีการเพิ่มขอบข่ายเนื้อหาวิชาที่ศึกษา จากเดิมที่ศึกษา เน้นเฉพาะพระพุทธพจน์ พระไตรปิฎก (canonical study) ได้มีการศึกษาเชิงวิเคราะห์วิจารณ์มากขึ้น มีการประมวลแนว คิดทฤษฎีของสำนักต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังพุทธปรินิพพานแล้วศึกษาวิเคราะห์ นอกจากนี้ ยังมีการตีความพระพุทธพจน์เชิงปรัชญา ทำให้เกิดสำนักพุทธปรัชญา จุดเปลี่ยนแห่งทฤษฎีที่สำคัญ เช่น แนวคิดเรื่อง พุทธภาวะ เรื่องโพธิสัตว์ เรื่องธรรมกาย๓๒ ปรัชญาและวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาในยุคประมาณ พ.ศ. ๖๐๐ เป็นต้นไป คือ ศรัทธาสู่ปัญญา เสรีภาพและมวลชน จากปรัชญาและวัตถุประสงค์ที่ว่า เสรีภาพและมวลชน นี่เอง ทำให้บรรยากาศการศึกษาพระพุทธศาสนาในยุคนี้น่าตื่นตาตื่นใจมาก และมีการขยายการศึกษาไปสู่โลกภายนอกอย่างไม่มีเขตจำกัด ผู้ศึกษามุ่งตอบสนองความอยากรู้ สร้างภูมิปัญญาเชิงปรัชญาเพื่อการอภิปรายโต้เถียงเป็นสำคัญ นิสิตจากนานาประเทศเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนา กลับไปเผยแผ่และประดิษฐานพระพุทธศาสนาในประเทศของตน เช่น กรณีของธอนมี สัมโภตะ ชาวทิเบตมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาราชสำนัก มาศึกษาที่นาลันทา กลับไปประดิษฐานพระพุทธศาสนาในทิเบตและประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งรัฐ กระแสอิทธิพลที่หลั่งไหลจากมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาในอินเดีย ไปสู่โลกภายนอก ไม่เพียงทำให้มีการประกาศเผยแผ่ความรู้และให้ความสำคัญต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ยังทำให้มีการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการศึกษาพระพุทธศาสนาอีกด้วย