มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จากนาลันทาถึงมหาจุฬาฯ โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร ๒๕๔๒
ระบบการศึกษาพระพุทธศาสนายุคแรก เป็นการศึกษาเฉพาะภายในวัดระหว่างครูกับศิษย์ เน้นพระธรรมวินัยเป็นหลัก หลังพุทธปรินิพพาน มีความคิดเห็นแตกแยกมากขึ้นในหมู่ภิกษุด้วยกันเอง รวมกับความขัดแย้งทางแนวคิดกับลัทธิร่วมสมัยอื่น ทำให้วัด(วิหาร)พัฒนาเป็นสถานศึกษาวิชาการในวงกว้างมากขึ้น เพื่อตอบสนองความสนใจใคร่ศึกษาของคนภายนอกวัด และเพื่อพัฒนาความสามารถเชิงวิเคราะห์วิจารณ์ของพระภิกษุสงฆ์เอง ประมาณ พ.ศ. ๔๐๐ ได้มีการเขียนตำราวิชาการทางพระพุทธศาสนามาก สมณะชาวจีนบันทึกไว้ว่า๑๐
มหาวิทยาลัยต่างๆ มิได้เปิดรับเฉพาะ ภิกษุในนิกายต่างๆ ของพระพุทธศาสนาเท่านั้น แม้คฤหัสถ์ผู้สนใจในพระพุทธศาสนาก็อาจเข้าเรียนได้ ยิ่งกว่านั้น นักบวช ในศาสนาอื่นก็อาจเรียนได้เช่นเดียวกัน แต่การศึกษาแยกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ภิกษุฝ่ายหนึ่ง คฤหัสถ์และคนนอกฝ่ายหนึ่ง ... รัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นยุคที่การศึกษาเชิงคันถธุระเจริญมาก* เห็น ได้จากการที่มีกลุ่มความคิดเกิดขึ้นมาก ปรากฏชื่อในสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย ๑๑ กลุ่ม คือ๑๑ (๑) สัสสตวาที-เห็นว่าโลกเที่ยง (๒) เอกัจจสัสสตวาที-เห็นว่าเที่ยงบางอย่าง (๓) อันตานันติกะ-เห็นว่าโลกมีที่สุดและไม่มีที่สุด (๔) อมราวิกเขปิกะ-เห็นไม่แน่นอน (๕) อธิจจสมุปบัน-เห็นว่าไม่มีเหตุปัจจัย (๖) สัญญีวาที-เห็นว่าอัตตามีสัญญา (๗) อสัญญีวาที-เห็นว่าอัตตาไม่มีสัญญา (๘) เนวสัญญี นาสัญญีวาที-เห็นว่าอัตตามีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ (๙) อุจเฉทวาที-เห็นว่าโลกขาดสูญ (๑๐) ทิฏฐธรรมนิพพานวาที-เห็นว่านิพพานมีในปัจจุบัน (๑๑) วิภัชชวาที-เห็นแยกประเด็น กลุ่มความคิดเหล่านี้ไม่ใช่มาจากบุคคลนอกพระพุทธศาสนาทั้งหมด บางกลุ่มเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานี่เอง แต่แสดงความเห็นหลากหลายแตกต่างกันเพราะผลจากการศึกษาเชิงคันถธุระ ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงปริยัติล้วน รัชสมัยของพระเจ้ากนิษกะ (พ.ศ.๖๔๓ โดยประมาณ) ซึ่งครองอำนาจอยู่ในอินเดียภาคเหนือ ได้มีการสังคายนาของนิกายสัพพัตถิกวาท(สรวาสติวาทิน,หรือไวภาษิกะ) ณ เมืองชาลันธร(หรือกาษมีระ) สมณะ เฮี่ยนจั๋ง บันทึกไว้ว่า๑๒ พระเจ้ากนิษกะหันมาสนใจพระพุทธศาสนาและตำรับตำราแห่งศาสนานี้ จึง อาราธนาภิกษุหนึ่งรูปให้สอนทุกๆ วัน และเนื่องจากภิกษุแต่ละรูปที่ไปสอนก็สอนต่างๆ กันออกไป บางครั้งถึงกับขัดกัน... พระเจ้ากนิษกะลังเลสงสัย จึงปรึกษากับพระปารัศวะ และพระเถระแนะนำให้จัดพิธีสังคายนา...