หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระใบฎีกาดุสิต จนฺทโชโต (สุกรี)
 
เข้าชม : ๒๑๐๔๕ ครั้ง
ประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ใน อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา(การจัดการเชิงพุทธ)
ชื่อผู้วิจัย : พระใบฎีกาดุสิต จนฺทโชโต (สุกรี) ข้อมูลวันที่ : ๒๑/๐๙/๒๐๑๕
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(การบริหารจัดการคณะสงฆ์)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  สุรพล สุยะพรหม
  พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ
  เติมศักดิ์ ทองอินทร์
วันสำเร็จการศึกษา : 2555
 
บทคัดย่อ

                 การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ  )  เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามความคิดเห็นของพระสงฆ์  เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคล  เพื่อศึกษาปัญหา  อุปสรรค และข้อเสนอแนะต่อการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม (Mixed Methods Research) ประกอบด้วยการวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก (In Depth Interview) และการวิเคราะห์เอกสาร (Documentary Analysis) กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยการเปิดตารางขนาดกลุ่มตัวอย่างของทาโร่ ยามาเน่ (Taro Yamane) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน ๓๑๖  โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ลักษณะของแบบสอบถามเป็นทั้งปลายปิด และปลายเปิด ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ โดยหาค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-Test) และค่าเอฟ (F-test) วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way Analysis of Variance) ในกรณีที่พบความแตกต่างตั้งแต่ ๓ กลุ่มขึ้นไป โดยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยสุดที่สุด (Least Significant Difference : LSD)

 

ผลการวิจัยพบว่า

         ๑. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นพระลูกวัด จำนวน ๑๑๘  รูป คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๔  ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง ๒๐ – ๓๐ ปีจำนวน ๕๒ รูป คิดเป็นร้อยละ ๒๙.๗   มีจำนวนพรรษา ๕ – ๑๐ พรรษา จำนวน ๕๕ รูป คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๔ มีวุฒิการศึกษาสายสามัญอยู่ในระดับต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน ๑๕๗ รูป คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๗  มีวุฒิการศึกษาระดับนักธรรมเอก จำนวน ๖๓ รูป คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๐  ไม่มีวุฒิเปรียญธรรม จำนวน ๑๕๖ รูป คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๑

  ๒. ความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๖  เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า  ด้านการจัดตั้งทุนสงเคราะห์การศึกษา อยู่ในระดับปานกลาง  ๓.๓๙  ด้านการจัดหาอุปกรณ์การศึกษา อยู่ในระดับปานกลาง  ๓.๒๐ ด้านการพัฒนาสถานศึกษา  อยู่ในระดับปานกลาง  ๓.๑๒ 

        ๓. การเปรียบเทียบคุณภาพการความคิดเห็นของพระสงฆ์ที่มีต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำแนกตาม สถานภาพ อายุ  จำนวนพรรษา  วุฒิทางการศึกษานักธรรม  และวุฒิทางการศึกษาเปรียญธรรมไม่แตกต่างกัน  ส่วนพระสังฆาธิการที่มีวุฒิทางการศึกษาสายสามัญมีความคิดเห็นแตกต่างกัน 

      ๔.  พระสงฆ์ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเห็นว่า ความสำคัญต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยเฉพาะบุคลากร ปัจจุบันการศึกษาของสถานศึกษาก็จะมีการพัฒนาไปของแต่ล่ะสถานศึกษาเท่าที่งบประมาณของแต่ล่ะแห่งจะสามารถหาได้ เพราะการช่วยเหลือจากคณะสงฆ์นั้นยังไม่ได้มีการจ่ายไปยังสถานศึกษาทุกแห่ง เนื่องข้อจำกัดในการหาเงินสนับสนุนทั้งการพัฒนาการศึกษา อุปกรณ์ทางศึกษาร่วมไปถึงการให้ทุนการศึกศึกสำหรับเด็กที่เรียนดี

      สำหรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์คือพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการศึกษาสงเคราะห์ของคณะสงฆ์  ในอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นควรให้การสนับสนุนทางด้านงบประมาณและอุปกรณ์ทางการศึกษาเพื่อให้มีการพัฒนาไปพร้อมๆกับคุณธรรมและจริยธรรมเพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์สูงสุดกับบุคลากรและสังคมมากที่สุด

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕