งานวิจัยนี้ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาชีวประวัติของหมดชีวกโกมารภัจ ที่หรากฎในคัมภีร์พระพุทธศาสนาระดับพระไตรปิฏกและอรรกถา โดยเน้นปฏิปทาเฉพาะตัว บทบาทในการเป็นแพทย์ถวายการรักษาพยาบาลแด่พระพุทธเจ้า ถวายการรักษาพยายบาลแด่พระภิกษุสงฆ์ ถวายการรักษาพยาบาลแด่พระเจ้าแผ่นดิน รักษาพยาบาลข้าราชบริพารและประชาชน และการอุปถัมภ์เผยแผ่พระพุทธศาสนา อันเป็นแบบอย่างอนุชนจะพึงถือเอาเป็นทิฏฐานุคติ
ผู้วิจัยได้แบ่งการศึกษาออกเป็น ๕ บท ในแต่ละบทได้ศึกษางานสำคัญ ดังนี้
บทที่ ๑ ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการวิจัย
บทที่ ๒ ชีวประวัติของหมอชีวกโกมารภัจและบทบาทอันแสดงถึงความเลื่อมใสเฉพาะบุคคล
บทที่ ๓ ความเกี่ยวข้องระหว่างหมอชีวกโกมารภัจกับบุคคลสำคัญ เช่น พระพุทธเจ้าและภิกษุสงฆ์
บทที่ ๔ ศึกษาวิเคราะห์วิธีการรักษาพยาบาลของหมอชีวกโกมารภัจ เช่น วิธีการวินิจฉัยโรค รักษาด้วยยาสมุนไพรและการผ่าตัด เปรียบเทียบกับวิธีการรักษาโรคในสมัยปัจจุบัน
บทที่ ๕ สรุปผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ
จากการศึกษาถึงบทบาทของหมอชีวกโกมารภัจ ผู้วิจัยพบความโดดเด่นพิเศษของหมอชีวกโกมารภัจ ดังต่อไปนี้
ช่วงต้นพุทธกาล พระพุทธศาสนาเจริญแพร่หลายอยู่ในกรุงราชคฤห์ ภิกษุสงฆ์ที่อาศัยอยู่ ณ ที่เมืองนั้น ต้องรักษาพยาบาลกันเองในเวลาเกิดเจ็บป่วย แสวงหายาบำบัดโรคจากญาติหรือจากบุคคลที่ออกปากจะถวายไว้ ซึ่งก็ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร
เมื่อหมอชีวกโกมารภัจ ศึกษาสำเร็จวิชาแพทย์มาจากตักสิลาแล้วถวายตัวเป็นแพทย์ประจำ ถวายการรักษาพยาบาลแด่พระพุทธเจ้า และถวายการรักษาพยาบาลแก่ภิกษุสงฆ์ที่อาพาธทำให้ภิกษุสงฆ์ไม่ลำบากยุ่งยากในการรักษาพยาบาลในการแสวงหายาบำบัดโรค
ท่านได้รับความไว้วางพระทัยจากพระเจ้าพิมพิสาร พระองค์ทรงมอบหมายให้ท่านเป็นแพทย์หลาวถวายการรักษาพระองค์ และให้การรักษาพยาบาลข้าราชสำนักทั้งหมดนอกจากนี้ หมอชีวกโกมารภัจ ยังได้ทำการผ่าตัดรักษาโรคในสมองของเศรษฐีกรุงราชคฤห์ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของลูกชายเศรษฐีเมืองพาราณสี ซึ่งถือว่า วิชาการแพทย์ที่หมอชีวกโกมารภัจ ศึกษาในสมัยนั้น ก้าวหน้ามากที่สามารถรักษาแบบผ่าตัดได้
นอกจากจะถวายการรักษาพยาบาลภิกษุสงฆ์ที่อาพาธให้หายจากอาพาธหมอชีวกโกมารภัจยังมีส่วนสนับสนุนให้ภิกษุสงฆ์ได้รับความสะดวกสบาย โดยการกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทราบปัญหาและวางระเบียบปฏิบัติในด้านต่างๆ เช่น กราบทูลเสนอให้พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตที่จงกรมและเรือนไฟ กราบทูลขอพระพุทธนุญาต ให้ภิกษุสงฆ์ซึ่งแต่เดินต้องแสวงหาผ้านุ่งห่มกันเองตามแต่จะได้ ให้รับผ้าที่คฤหัสถ์ถวาย ทำให้ภิกษุสงฆ์ได้รับความสะดวกมาจนกระทั่งทุกวันนี้
นอกจากนี้ หมอชีวกโกมารภัจ ยังเป็นห่วงการที่มีผู้กล่วงโทษเรื่องฉันเนื้อสัตว์ของภิกษุสงฆ์ ได้เข้ากราบทูลของฟังคำแนะนำจากพระพุธเจ้า ซึ่งพระองค์กได้ทรงชี้แจงให้ทราบว่า ภิกษุสงฆ์จะฉันเฉพาะปวัตตมังสะ (เนื้อที่เขาขายอยู่ตามปกติสำหรับคนทั่วๆ ไป) ไม่ฉันอุทิสสมังสะ (เนื้อสัตว์ที่เขาฆ่าเจาะจงถวายภิกษุสงฆ์)
หมอชีวกโกมารภัจมิได้เป็นแต่เพียงแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยพุทธกาลเท่านั้นแต่ท่านยังเป็นคนดี มีความกตัญญูกตเวที สีสติ มีปํญญา มีความเพียร เอาใจใส่และมีความหวังดีต่อคนไข้หรือต่อส่วนรวมเป็นหลัก นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ที่มีศิลธรรมและมีจริยธรรมความเป็นแพทย์อย่างสมบูรณ์
บทบาทปฏิปทาเฉพาะตัวของหมอชีวกโกมารภัจ เกี่ยวกับการถวายการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ด้วยการถวายการรักษาพยาบาลภิกษุสงฆ์และชักนำให้มีการถวายผ้าแก่ภิกษุสงฆ์ ได้เป็นแนวทางที่อุบาสิกาในภายหลังได้ยึดถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน และท่านก็ยังเป็นพุทธบริษัทที่ดีเลิศท่านหนึ่ง ท่านเป็นหนึ่งในเอดทัคคะฝ่ายอุบาสกผู้ได้สร้างคุณความดีไว้ในพระพุทธศาสนาชั่วนิรันดร์ จึงเป็นการสมควรที่จะได้ยกย่องและเทิดทูนท่านและยึดถือจริยวัตรของท่านเป็นแนวทางการปฏิบัติตัวของแพทย์และพุทธศาสนิกชนรุ่นหลังต่อไป |