วิทยานิพนธ์นี้ประสงค์ที่จะศึกษาทรรศนะเรื่องประโยชน์ในพุทธปรัชญาเถรวาทและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะหาข้อสรุปเกี่ยวกับจุดยืนในด้านหลักประโยชน์หรืออรรถประโยชน์ของตนเอง และเพื่อจะตอบปัญหาว่าเมื่อทรรศนะประโยชน์อื่นๆทางฝ่ายตะวันตก เช่น ปรัชญาประโยชน์นิยมได้ให้คำตอบเรื่องประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาจริยธรรมแก่สังคม เมื่อเป็นเช่นนั้นทรรศนะด้านประโยชน์ของพุทธปรัชญาเถรวาทจะมีอยู่บ้างหรือไม่ และถ้ามีจะให้คำตอบด้านการแก้ไขปัญหาจริยธรรมได้อย่างไร ในการศึกษาวิจัย ผู้วิจัยได้แบ่งเนื้อหาของงานวิจัยออกเป็น ๕ บท ซึ่งแต่ละบทจะอธิบายถึงจุดประสงค์ที่ต้องการศึกษา ดังนี้ บทที่ ๑ กล่าวถึงความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาที่จะต้องนำมาศึกษา บทที่ ๒ กล่าวถึงทรรศนะอันเป็นบริบททั่วไปของแนวคิดเรื่องอรรถประโยชน์ทั้งทางฝ่ายตะวันตก คือ เจเรอมี เบ็นธัม และจอห์น สจ๊วต มิลล์ บทที่ ๓ กล่าวถึงประโยชน์ในทรรศนะประโยชน์ในทรรศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท ทั้งที่ปรากฎในคัมภีร์ และทรรศนะส่วนบุคคลของนักศาสนา และนักปรัชญาชาวพุทธเพื่อที่จะศึกษาถึงความหมายที่แท้จริงของประโยชน์ในพุทธปรัชญาเถรวาท บทที่ ๔ กล่าวถึงการนำแนวคิดเรื่องประโยชน์ประโยชน์ทั้งในทรรศนะของเจเรอบีเบ็นธัม และ จอห์น สจ๊วต มิลล์ ที่ได้อธิบายไว้ในบทที่ ๑ มาวิเคราะห์เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นถึงความคล้ายคลึง และความแตกต่างของแนวคิดทั้งสองฝ่าย และเป็นการหาข้อสรุปว่าแท้จริงแล้วพุทธปรัชญาเถรวาทเป็นประโยชน์นิยมหรือไม่ รวมไปถึงการนำกรอบแนวคิดเรื่องประโยชน์ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินปัญหาจริยธรรมบางประการและศึกษาถึงอิทธพลของแนวคิดเรื่องประโยชน์ที่มีต่อสังคมในด้านต่างๆ ด้วย บทที่ ๕ กล่าวถึงผลสรุปที่ได้ศึกษาวิจัยมาทั้งหมดพร้อมทั้งข้อเสนอแนะในการทำปัญหาที่ยังไม่ได้ศึกษาไปค้นคว้าต่อไป จากการศึกษาวิจัยมาทั้งหมดผู้วิจัยได้พบข้อสรุปอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับหลักประโยชน์ในทรรศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท ดังนี้ ๑. คำว่าประโยชน์ในทรรศนะของพุทธปรัชญาเถรวาท หมายถึง ความสุขหรือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น เจริญขึ้น หรือแปลว่า จุดหมายของชีวิตมนุษย์ ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น ๒ ประการ คือ ๑.๑ ประโยชน์ทางวัตถุ ได้แก่ ทรัพย์สิน เกียรติยศ ชื่อเสียง เป็นต้น ๑.๒ ประโยชน์ทางด้านจิตใจ ได้แก่ การบรรลุคุณธรรม ทั้งมรรคผลนิพพาน หรือระดับขั้นของการพัฒนาจิตใจ เป็นต้น ๒. พุทธปรัชญาเถรวาทมีหลักประโยชน์อยู่ที่การทำประโยชน์เพื่อมวลชนและมีรายละเอียดอยู่ที่การคำนึงถึงประโยชน์ตนเอง เป็นอันดับแรกจากนั้นจึงจะขยายความพร้อมมูลของตนเองไปช่วยเหลือผู้อื่นให้บรรลุประโยชน์ตนเอง ซึ่งเมื่อทำเช่นนี้ก็จะเกิดประโยชน์ทั้ง ๒ ฝ่ายขึ้น กล่าวคือ ทั้งตนเองและผู้อื่นก็ได้ประโยชน์ร่วมกัน ๓. ประโยชน์ในทรรรศนะของพุทธปรัชญาเถรวาทนั้นแบ่งได้เป็น ๖ ประเภท คือ ๓.๑ ประโยชน์ชาตินี้ ๓.๒ ประโยชน์ชาติหน้า ๓.๓ ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ ๓ ประการนี้ พุทธปรัชญาเถรวาทเห็นว่ามนุษย์ควรบรรลุประโยชน์ชาตินี้ ชาติหน้าให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตเกิดมาไม่ใช้ประโยชน์ นอกจากนั้น ยังมีประโยชน์ที่เหลืออีก คือ ๓.๔ ประโยชน์ตน ๓.๕ ประโยชน์คนอื่น ๓.๖ ประโยชน์สองฝ่าย ประโยชน์ ๓ ประการนี้ มนุษย์จะต้องยึดเอาประโยชน์ตนก่อน กล่าวคือ อันดับแรกมนุษย์จะต้องมีความพร้อมก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น เพราะเมื่อไม่บรรลุประโยชน์ตนเองก็ช่วยเหลือคนอื่นได้ยาก ๔. เมื่อนำหลักประโยชน์ของพุทธปรัชญาเถรวาทไปเปรียบเทียบกับทฤษฎีประโยชน์นิยมของเจเรอมี เบ็นธัม และ จอห์น สจ๊วต มิลล์ และได้ข้อสรุปว่า หลักประโยชน์ของพุทธปรัชญาเถรวาทนั้นไม่เป็นประโยชน์นิยมแบบตะวันตก เพราะมีความแตกต่างกันทั้งในด้านหลักการและรายละเอียด ๔ ประเด็น คือ ๔.๑ ด้านหลักการ ๔.๒ ด้านความสุข ๔.๓ ด้านแรงจูงใจ และผลของการกระทำ ๔.๔ ด้านหลักสัมพัทธ์นิยม ซึ่งประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งว่า พุทธปรัชญาเถรวาทไม่เป็นประโยชน์นิยมอย่างชัดเจนก็คือ (๑) ประเด็นเรื่องแรงจูงใจและผลการกระทำ (๒) ประเด็นเรื่องหลักสัมพัทธ์นิยม ๕. จากการศึกษาวิจัยพบว่า แนวคิดเรื่องประโยชน์ในทรรศนะพุทธปรัชญาดเถรวาทนั้นมีอิทธิพลต่อสังคมในหลายๆ ด้าน เช่น ด้านการศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง เป็นต้น