งานวิจัยนี้มุ่งจุดหมายเพื่อศึกษาในเชิงวิเคราะห์และเปรียบเทียบแนวความคิดเรื่องเกณฑ์ตัดสินทางจริยธรรมในจริยศาสตร์ของค้านท์และในพุทธจริยศาสตร์ตามทรรศนะของพระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ผลการวิจัยมีข้อสรุปที่สำคัญ คือ นักคิดทั้งสอง มีความเห็นที่ไม่แตกต่างกันในเรื่องของการใช้ปัญญาในแง่ที่ว่า การใช้ปัญญาที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำ ปัญญาจะช่วยให้มนุษย์สามารถเข้าใจและแยกความแตกต่างระหว่างความดีและความชั่วได้ ในแง่ของความรับผิดชอบ นักคิดทั้งสองมีความเห็นร่วมกันโดยมีเงื่อนไขที่สำคัญว่า ไม่ควรใช้ผู้อื่นเป็นเพียงเครื่องมือในการกระทำเพื่อความสำเร็จตามที่ตนคาดหวังไว้ นอกจากนั้น ทรรศนะเรื่องความเป็นสากลในกฎศีลธรรมของค้านท์ ยังคล้ายคลึงกับทรรศนะ เรื่องกรรมนิยามของพระเทพเวทีด้วย ส่วนทรรศนะที่แตกต่างกันนั้น ค้านท์ได้เสนอความเห็นที่ว่า เจตนาดีคือการกระทำตามหน้าที่ และปฏิบัติตามหลักการสากล แต่พระเทพเวทีเน้นองค์ประกอบที่สำคัญของเจตนาดี คือ ความเป็นกุศลมูลของจิต สำหรับเรื่องเกณฑ์ตัดสินทางจริยธรรมในทรรศนะของค้านท์จะเน้นความเป็นกฎสากลที่แน่นอนตายตัวโดยไม่มีข้อยกเว้น ในขณะที่พระเทพเวทีเห็นว่าในระดับโลกียสัจจะนั้น เกณฑ์ตัดสินทางจริยธรรมไม่ควรใช้เกณฑ์หลักแต่เพียงอย่างเดียว ควรคำนึงเกณฑ์รองประกอบด้วย ในระดับโลกุตตระสัจจะแม้เกณฑ์ตัดสินทางจริยธรรมในพุทธจริยศาสตร์และจะตายตัวแน่นอน แต่เป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาแตกต่างไปจากจริยศาสตร์ของค้านท์ นอกจากนี้ทั้ง ๒ ท่านยังมีทรรศนะที่ต่างกันในเรื่องแรงจูงใจในการกระทำ ค้านท์เห็นว่าการกระทำที่เกิดจากอารมณ์และความรู้สึก ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่มีค่าทางจริยธรรม แต่พระเทพเวทียอมรับการกระทำที่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากกุศลมูลว่าเป็นการกระทำที่ดี