การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพหน่วยบูรณาการสาระการเรียนรู้พระ พุทธศาสนา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา แนวคิด ทฤษฎี หลักการและวิธีการเรียนการสอนแบบบูรณาการ เพื่อนำเอาหลักการและวิธีการดังกล่าวมาสร้างหน่วยบูรณาการสาระการเรียนรู้ พระพุทธศาสนาและเพื่อประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยทำการทดลองจากกลุ่มตัวอย่างนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียลประทานสงเคราะห์ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๔๖ คน ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๔๖ เครื่องมือที่ใช้คือ หน่วบูรณาการสาระการาเรียนรู้พระพุทธศาสนา หน่วยพระพุทธ หน่วยพระธรรม และหน่วยพระสงฆ์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาพระพุทธศาสนา แบบวัดเจตคติของนักเรียนต่อวิชาพระพุทธศาสนา มีการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต(x) และแบบทดสอบค่า( t-test) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ spss/pc เพื่อหาเจตคติของนักเรียนต่อวิชาพระพุทธศาสนา และเปรียบเทียบความแตกต่างของข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า หลักการและวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ คือ กระบวนการในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยให้เนื้อหาวิชาต่าง ๆ มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเข้าด้วยกันโดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดการ เรียนการสอน ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง ซึ่งมีครูเป็นผู้ชี้แนะแนวทางให้กับผ ู ้เรียน และประสบการณ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างสมดุลทั้งด้านความรู้ ความเข้าใจ เจตคติ ทัศนะ และสามารถแก้ปัญหาที่ประสบในชีวิตประจำวันได้ หลังการทดลองพบว่า การนำเอาหลักการและวิธีการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการดังกล่าวมาประยุกต์ ใช้ในการออกแบบหน่วยบูรณาการสาระการเรียนรู้พระพุทธศาสนาในลักษณะของการ บูรณาการภายในวิชา โดยครูผู้สอนคนเดียวสามารถทำได้ และช่วยให้ผลการเรียนรู้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด ๘๐/๘๐ คือเท่ากับ ๘๕.๐๐/๙๐.๙๔ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโดยรวมสูงขึ้นเฉลี่ยเท่ากับ ๙๐.๙๔ เมื่อเปรียบเทียบเจตคติของนักเรียนต่อวิชาพระพุทธศาสนาระหว่างก่อนเรียนกับ หลังเรียนพบว่า หลังเรียนนักเรียนมีเจตคติต่อวิชาพระพุทธศาสนาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัย สำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ Download : 255048.pdf