จากผลการศึกษาในครั้งนี้ สามารถจัดแบ่งลักษณะของมิจฉาทิฏฐิได้ ๔ ประเภท และสามารถสรุปได้ใน ๒ หลัก คือ ๑) ทิฏฐิเชิงหลักการ ได้แก่ สัสสตทิฏฐิ และอุจเฉททิฏฐิ ๒) ทิฏฐิเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ กามสุขัลลิกานุโยค และอัตตกิลมถานุโยค และจากผลการศึกษาประเภทของมิจฉาทิฏฐิของพุทธสาวกก่อนบรรลุธรรมและการวิเคราะห์คำสอนที่ใช้เพิกถอนมิจฉาทิฏฐิก่อนการ บรรลุธรรมของพุทธสาวก แบ่งออกเป็น ๔ กลุ่ม คือ
๑. คำสอนเพื่อเพิกถอนทิฏฐิแบบอัตตกิลมถานุโยค ได้แก่ หลักมัชเฌนธรรมหรือหลักมัชฌิมาปฏิปทา (อริยมรรค ๘) และหลักการปฏิบัติความเป็นมุนี (โมเนยยปฏิปทา)
๒. คำสอนเพื่อเพิกถอนทิฏฐิแบบกามสุขัลลิกานุโยค ได้แก่ หลักการออกบวช (เนกขัมมะ) หลักการละความยินดีในกามคุณ หลักการพิจารณากายว่าเป็นของไม่งาม หลักความเป็นผู้สันโดษ หลักการประมาณในการบริโภค (โภชเนมัญญัตญุตา) หลักการรักษาและพิจารณาพระวินัยหลักการปฏิบัติธุดงค์ และหลักความไม่ประมาท
๓. คำสอนว่าด้วยการเพิกถอนทิฏฐิแบบสัสสตทิฏฐิ ได้แก่ หลักไตรลักษณ์ หลักความไม่
ยึดมั่นถือมั่น หลักพิจารณาความสงสัย หลักตจปัญจกกรรมฐาน และหลักการเพิกถอนความยึดมั่นในความรู้เดิม
๔. คำสอนว่าด้วยการเพิกถอนทิฏฐิแบบอุจเฉททิฏฐิ ได้แก่ หลักปฏิจจสมุปบาทหรือ
อิทัปปัจจตา และหลักโยนิโสมนสิการเพื่อแก้ถีนมิทธะอย่างไรก็ตาม การที่พุทธสาวกจะบรรลุธรรมได้นั้น นอกจากจะประกอบด้วยปัจจัยดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สนับสนุนการบรรลุธรรม ๔ ปัจจัย คือ ๑) การตั้งความปรารถนาในอดีตชาติ ๒) การถวายทานในอดีตชาติ ๓) สติปัญญาในปัจจุบันชาติ และ ๔) ความศรัทธาใน
พระพุทธเจ้าหรือพระพุทธศาสนา ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนให้พุทธสาวกได้บรรลุธรรมในปัจจุบันชาตินั้น
Download : 255167.pdf