วิทยานิพนธ์เล่มนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการเล่นการพนันหวยในชุมชน และเพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมในการแก้ปัญหาพฤติกรรมการเล่นการพนันหวยในชุมชน จากการวิจัยพบว่า สาเหตุของพฤติกรรมการเล่นการพนันหวยในชุมชนชานเมือง มี๗ สาเหตุใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ๑. ตัวผู้เล่นเอง สาเหตุใหญ่ใกล้ตัวมากที่สุดคือตัวของผู้เล่นเอง เพราะมนุษย์มีความโลภเป็นมูลเหตุ ในทางพระพุทธศาสนาเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “โลภจิต” ๒. สลากกินแบ่งรัฐบาล การออกสลากเป็นเหตุปัจจัยส่งเสริมความโลภที่มีอยู่แล้วให้เจริญมากขึ้น ทำให้ประชาชนเกิดความอยากได้ อยากมี อยากรวย จึงทำให้มีพฤติกรรมการเล่นการพนันหวยเกิดขึ้น ทั้งหวยรัฐและหวยใต้ดิน ๓. สื่อสารมวลชน ปัจจุบันการสื่อสารที่ทันสมัยได้เผยแพร่ผลการออกสลากรางวัลในแต่ละงวด และมีผู้โชคดีจากการซื้อสลากหรือหวยรัฐ ได้ร่ำรวยทางลัด จึงเป็นสิ่งกระตุ้นให้มีพฤติกรรมการเล่นการพนันหวย ๔. ความยากจน ประชาชนมีรายได้น้อยแต่รายจ่ายมาก คนยากจนอยากจะร่ำรวยและเห็นว่าการเล่นการพนันหวยเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำ ให้ตนร่ำรวยได้ในระยะเวลาอันสั้น จึงเป็นเหตุให้มีพฤติกรรมเล่นการพนันหวย ๕. ด้านการศึกษา การจัดการศึกษาไม่สามารถสอนให้คนเชื่อด้วยเหตุผลและไม่เห็นโทษของการเล่นการ พนันหวยตั้งแต่ระดับประถมศึกษาหรือปฐมวัยได้ คนที่ไม่ได้รับการศึกษาหรือการศึกษาต่ำจึงมีความเชื่องมงายหมกมุ่นเล่นการ พนันหวย ๖. ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ว่าจะทำให้ตนมีโชคลาภได้ โดยไม่ต้องทำงานหนัก และเป็นการลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก ๗. ขาดจิตสำนึกที่ดีของความเป็นชาวพุทธ เพราะชาวพุทธเราส่วนหนึ่งนั้นมักจะถือว่า การเล่นการพนันหวยไม่ใช่เรื่องเสียหาย คิดว่าเป็นความสนุกสนานและได้เงินโดยไม่คำนึงว่าตนเองได้ประพฤติผิดศีลธรรม และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่คนอื่นปัญหาของการเล่นการพนันหวย ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัวและต่อชุมชนชานเมือง ผลกระทบที่เกิดขึ้นในด้านเสียหายสามารถสรุปได้เป็น ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ความเสียหายด้านสุขภาพกายและจิตใจของตัวผู้เล่นการพนันหวยเอง (๒) ความเสียหายทางด้านฐานะการเงินและความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของครอบครัว(๓) ขาดความเชื่อถือและนับถือที่มีต่อสมาชิกในชุมชนชานเมือง (๔) ขาดความมั่นใจในความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคนที่มาอยู่อาศัยใน ชุมชนชานเมืองในการแก้ปัญหา เกี่ยวกับพฤติกรรมการเล่นการพนันหวยในชุมชนชานเมืองพบว่า ชุมชนชานเมืองได้พยายามหาหลักการที่ดีมาพัฒนาชุมชนและได้มีการนำหลักพุทธ ธรรมมาประยุกต์ใช้ในบางส่วน เพื่อเป็นการป้องกันและช่วยพัฒนาชุมชนให้เกิดความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ด้วยหลักพุทธธรรมบางประการที่เห็นว่าเหมาะสม ได้แก่ (๑) หลักการปกครองชุมชน (๒) หลักสร้างความสามัคคี (๓)หลักบริหารจัดการทรัพย์ (๔) หลักการแสวงหาทรัพย์ (๕) หลักสร้างและพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง (๖) หลักสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน (๗) การส่งเสริมอาชีพแก่สมาชิกในชุมชน ให้มีรายได้เสริมตลอดปีชุมชนชานเมือง ยังได้ใช้หลักการปกครอง โดยอาศัยหลักการทางวิถีชาวบ้านคือ จารีต ประเพณี และกฎหมายท้องถิ่นที่แฝงอยู่ในประเพณี คือ ฮีต ๑๒ อันเป็นประเพณีการทำบุญทั้ง ๑๒ เดือน ของชาวอีสานมาเป็นหลักในการปกครอง โดยนักปราชญ์โบราณอีสาน ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้มีโอกาสร่วมทำกิจกรรมในทางที่ดี จะได้มีโอกาสศึกษาหลักธรรมะ เข้าใจในหลักพุทธธรรม จนมองเห็นโทษของการเล่นการพนันหวย อันเป็นเหตุแห่งความเสื่อมเสียจากทรัพย์สิน และน้อมไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ชุมชนชานเมืองได้ห่างไกลจากอบายมุข โดยเฉพาะพฤติกรรมการเล่นการพนันหวยถึงแม้ปัจจุบันชุมชนชานเมืองจะยังยึดถือ ปฏิบัติในฮีต(จารีต)เหลือเพียง ๗ ฮีต เท่านั้นก็ตามแต่ประชาชนในชุมชนชานเมืองยังได้มีกิจกรรมร่วมกัน และทำให้เกิดความรักใคร่สามัคคีกันในการพัฒนาชุมชน ให้มีความสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน Download : 254916.pdf