นับแต่นั้นมา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ได้ดำเนินการจัดการศึกษาในรูปแบบมหาวิทยาลัยในระดับอุดมศึกษาโดยมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ
สร้างความเป็นเลิศทางวิชาการด้านพระพุทธศาสนา
ส่งเสริมการค้นคว้าวิจัยให้การบริการวิชาการแก่สังคมและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม
มีพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ทั่วไปสนใจเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมากตามลำดับ
ทำให้อาคารสถานที่ไม่เพียงพอต่อการขยายตัวในเชิงบริหาร
ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๕ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ได้ขยายอาคารเรียนไปที่วัดศรีสุดารามวรวิหาร แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย
กรุงเทพมหานคร ในความอุปถัมภ์ของพระราชพิพัฒน์โกศล (โกศล มหาวีโร)
เพื่อรองรับจำนวนพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ที่เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัยเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม
อาคารสถานที่เรียนและหน่วยงานก็ยังมีความจำเป็นต้องขยายเพื่อเหมาะสมและเพียงพอ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
จึงปรารภที่จะจัดหาสถานที่เพิ่ม
ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๒
นายแพทย์รัศมีและคุณหญิงสมปอง วรรณิสสร ได้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินจำนวน ๘๔
ไร่ ๑ งาน ๓๗ ตารางวา เพื่อบูชาคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) ณ
ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อจัดสร้างศูนย์การศึกษา
ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้พระเทพโสภณ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดี
นำผู้บริหารและผู้มีจิตศรัทธาทั้งสองเข้าเฝ้าเพื่อทูลเกล้าถวายโฉนดที่ดินดังกล่าว
โดยเสด็จพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ
แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
และมหาวิทยาลัยได้รับพระราชทานที่ดินไปดำเนินการตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๒
เป็นต้นมา
มหาวิทยาลัยจึงเริ่มจัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาที่ดินในบริเวณนี้ให้เป็นสถานที่ตั้งอาคารและเพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านวิชาการด้านกายภาพ
และด้านเทคโนโลยีให้มีความเหมาะสมกับภารกิจต่อไปโดยใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น
ประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันสองร้อยล้านบาทถ้วน)
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยดำเนินการก่อสร้างอาคาร
ดังนี้
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยยังไม่ได้วางระบบภูมิสถาปัตย์ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น
ระบบบำบัดน้ำเสีย การป้องกันน้ำท่วม การถมดิน เป็นต้น
สำหรับงบประมาณนั้นรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างอาคารเรียนรวมเป็นเงินทั้งสิ้น
๓๙๗,๓๒๕,๐๐๐ บาท (สามร้อยเก้าสิบเจ็ดล้านสามแสนสองหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
นอกเหนือจากนั้นงบประมาณอีก ๘๐๒,๖๗๕,๐๐๐ บาท
(แปดร้อยสองล้านหกแสนเจ็ดหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
มหาวิทยาลัยต้องดำเนินการเองทั้งหมด ซึ่งขณะนี้กำลังรับบริจาค
และจะนำเงินส่วนนี้ไปสร้างอาคารหลังต่าง ๆ ดังกล่าวมา
และดำเนินการเพื่อหารายได้ในส่วนที่เหลือ เช่น การทอดผ้าป่ามหากุศล
จัดสร้างวัตถุมงคล เป็นต้น
ในอนาคตมหาวิทยาลัยมีแผนการที่จะซื้อที่ดินขยายเพิ่มเติม
โดยวางแผนจะสร้างวัด สถานที่จอดรถ
เพื่อให้เพียงพอต่อการขยายตัวของมหาวิทยาลัย ในอนาคต