บทคัดย่อ
งานวิจัย เรื่องการรับรู้หลักโภชนาการในพระพุทธศาสนา : กรณีศึกษาชาวพุทธที่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาระดับการรับรู้หลักโภชนาการในพระพุทธศาสนาของชาวพุทธที่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และ ๒) เพื่อศึกษาความแตกต่างในระดับการรับรู้หลักโภชนาการในพระพุทธศาสนาของชาวพุทธในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จำแนกตามข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ชาวพุทธที่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒๗๕ คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบสำรวจ สถิติที่ใช้ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที และ One-Way ANOVA
ผลการศึกษาพบว่า
๑. หลักโภชนาการในพุทธศาสนา
สามารถสรุปได้ ๒ ประการ คือ ๑) หลักโภชเนมัตตัญญุตา การรู้จักประมาณในการบริโภคทั้งปริมาณและประเภทอาหาร โดยพิจารณาด้วยปัญญาเพื่อเสพคุณค่าแท้จริงของอาหาร และ ๒) หลักอาหารสัปปายะ โดยพิจารณาอาหารที่เอื้อต่อการอยู่ดี ถูกกับร่างกาย เพียงพอ ถูกสุขลักษณะ ไม่ลำบาก และอนุเคราะห์ต่อพรหมจรรย์ นอกจากนี้โดยทั่วไปหลักโภชนาการในพุทธศาสนาสอดคล้องกับหลักโภชนาการทางการแพทย์ที่เน้นให้บริโภคเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโต ซ่อมแซม และความปกติของระบบร่างกายต่าง ๆ ไม่มากหรือน้อยเกินไป สอดคล้องกับหลักการแพทย์แผนไทยที่เน้นการบริโภคอาหารให้สอดคล้องตามธาตุ เพื่อความสมดุลและบำบัดโรค และสอดคล้องกับการแพทย์ทางเลือกที่เน้นการบริโภคเพื่อรักษาความสมดุลย์แห่งหยินหยาง และสภาพปัจจุบันของผู้บริโภค
๒. ข้อมูลทั่วไป
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (๖๕.๕%) เป็นพระภิกษุ (๕๐.๒%) อายุต่ำกว่า ๒๕ ปี (๔๔.๗%) เป็นโสด (๘๓.๓%) ระดับการศึกษาปริญญาตรี (๔๐.๗%) ไม่ได้ศึกษาแผนกธรรม (๔๒.๖%) ไม่ได้ศึกษาแผนกบาลี (๗๕.๖%) และส่วนใหญ่เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาบ่อยที่สุด คือ สวดมนต์ (๕๗.๕%)
๓. ระดับการรับรู้หลักโภชนาการ
โดยภาพรวม กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้หลักโภชนาการในพระพุทธศาสนาโดยรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก ( = ๓.๗๔, S.D. = ๐.๙๖) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้เรื่องอาหารเพื่อจิตภาวนาอยู่ในระดับสูงสุด ( = ๔.๒๒, S.D. = ๐.๘๓) และประเภทและลักษณะอาหาร ( = ๓.๖๔, S.D. = ๑.๐๖) การเลือกอาหารที่เหมาะกับตนเอง โภชนสัปปายะ ( = ๓.๖๔, S.D. = ๐.๙๓) ส่วนด้านการรู้จักประมาณในการบริโภคอาหาร โภชเนมัตตัญญุตา กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้อยู่ในระดับปานกลาง ( = ๓.๔๖, S.D. = ๑.๐๖)
๔. ความแตกต่างในระดับการรับรู้
โดยรวมทุกด้าน กลุ่มตัวอย่างมีความแตกต่างในระดับการรับรู้ในเรื่อง เพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับการศึกษาแผนกธรรม ระดับการศึกษาแผนกบาลี ประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่บ่อยที่สุด มีความแตกต่างกันในระดับการรับรู้หลักโภชนาการตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๑ ส่วนกลุ่มตัวอย่างมีความแตกต่างกันในสถานภาพของชาวพุทธ เรื่องสถานภาพสมรส ไม่มีความแตกต่างกันในระดับการรับรู้สภาวะโภชนาการตามหลักพระพุทธศาสนา
ดาวน์โหลด |