วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสาระสำคัญของอุปาทานในพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อศึกษาโทษและผลกระทบของอุปาทานที่มีต่อสังคมชาวพุทธ และเพื่อศึกษาวิเคราะห์อุบายวิธีเพื่อละอุปาทาน
ผลการวิจัยพบว่า อุปาทานในพระพุทธศาสนาหมายถึง การยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์ด้วยอำนาจกิเลส อารมณ์ทั้งหลายที่เป็นที่ตั้งสำหรับยึดมั่นของอุปาทาน คือขันธ์ ๕ เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕ อุปาทานแบ่งออกได้เป็น ๔ ประเภท คือ ๑.กามุปาทาน คือ ความยึดมั่นในกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ๒. ทิฏฐุปาทาน คือ ความยึดมั่นในทิฏฐิ ความเห็นที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ๓. สีลัพพตุปาทาน คือ ความยึดมั่นในข้อวัตรปฏิบัติหรือ ศีลพรต ข้อประพฤติหรือพิธีกรรมต่างๆ ที่งมงาย ๔. อัตตวาทุปาทาน คือ ความยึดมั่นว่าเป็นตัวตน ว่ามีอยู่จริง เที่ยงแท้ หรือ จักขาดสูญ
อุปาทานมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับหลักคำสอนอื่นๆ ที่สำคัญในพระพุทธศาสนาในฐานะที่ต้องเป็นไปตามกฎสัจธรรม เช่น สัมพันธ์กับ หลักปฏิจจสมุปบาท ในฐานะที่ต้องเป็นไปตามกฎของเหตุปัจจัย เป็นเหตุและผลต่อกัน อาศัยกันและกันเกิดขึ้นเป็นไป สัมพันธ์กับกฎไตรลักษณ์ ในฐานะที่ต้องเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ เพราะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สัมพันธ์กับหลักอริสัจ ๔ ในฐานะที่เป็นสมุทัยให้ทุกข์ทั้งปวงเกิด สัมพันธ์กับหลักขันธ์ ๕ ในฐานะที่เป็นที่ยึดมั่นของอุปาทานทำให้เข้าใจผิดยึดมั่นว่าขันธ์ทั้ง ๕ เป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน
ในทัศนะของปราชญ์พุทธ อุปาทานก่อให้เกิดโทษทั้งในปัจจุบันและในอนาคตแก่บุคคลผู้ที่ยึดมั่นถือมั่น และมีผล กระทบต่อสังคมพุทธในหลายด้าน เช่น ผลกระทบด้านความเชื่อ ผลกระทบด้านการศึกษา ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการเมือง ผลกระทบด้านวิถีชีวิตและระบบนิเวศ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในสังคม
อุบายวิธีในการเรียนรู้เพื่อละอุปาทาน ต้องเจริญตามอริยมรรคมีองค์ ๘ และ สติปัฏฐาน ๔ การเจริญขึ้นแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ มีองค์ประกอบที่สำคัญ ๒ ประการคือ ๑.ปรโตโฆสะ ๒.โยนิโสมนสิการ เมื่อบุคคลได้ศึกษาพิจารณาด้วยปัญญาและเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องแล้ว ย่อมละคลายจากอุปาทาน ความยึดมั่น ถือมั่น ที่เป็นต้นเหตุของโทษทุกข์ทั้งปวงได้ความทุกข์และปัญหาต่างๆก็ลดลงตามลำดับจนสามารถละอุปาทานได้ในที่สุดจนกระทั่งบรรลุนิพพานซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา
Download |