วิทยานิพนธ์เรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ๑) ศึกษาหลักการและเจตนารมณ์ของการรักษาศีล ๕ ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ๒) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อทัศนคติของพุทธศาสนิกชนกรุงเทพมหานครที่มีต่อศีล ๕ ๓) ศึกษาพฤติกรรมการรักษาและการล่วงละเมิดศีล ๕ ของพุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานคร ๔) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการรักษาและการล่วงละเมิดศีล ๕ ของพุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานคร
วิธีการศึกษาใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลเอกสาร และการวิจัยเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร อายุมากกว่า ๑๓ ปี ไม่จำกัด เพศ สถานภาพ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบกลุ่ม(Cluster Sampling) แบ่งเป็น ๑๒ กลุ่มตามเขตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกรุงเทพมหานคร จากแบบสอบถามที่แจกไปได้รับแบบสอบถามคืนที่สมบูรณ์รวมทั้งสิ้นจำนวน ๔๘๗ ชุด จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ ผลการศึกษาและวิจัยได้ข้อค้นพบ ดังนี้
๑. หลักการและเจตนารมณ์ของการรักษาศีล ๕ ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ก็คือเจตนารมณ์ที่มุ่งให้มนุษย์ในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียนกัน รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา นอกจากนั้นยังครอบคลุมถึงการจัดระบบโครงสร้างทางสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสังคมและสภาพแวดล้อม อีกทั้งยังมีเจตนารมณ์ที่จะครอบคลุมให้สามารถแก้ไขปัญหาสังคมยุคใหม่ได้ทั้งหมด ดังนั้น เจตนารมณ์ของการรักษาศีล ๕ ในพระพุทธศาสนาเถรวาท ไม่เพียงแต่ จะแก้ไขปัญหาเรื่องการละเมิดกันระหว่างบุคคลกับบุคคลแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงปัญหาที่กว้างขึ้น ดังได้กล่าวข้างต้น
๒. ปัจจัยส่วนบุคคลของพุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุอยู่ในช่วงอายุระหว่าง ๒๑ – ๒๕ ปี จบการศึกษาปริญญาตรี สถานภาพโสด เป็นพนักงานบริษัท อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครมานานมากกว่า ๕ ปี เขตที่อยู่อาศัยกระจายทั่วกรุงเทพมหานคร และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร และ อพาร์ทเม้นท์
๓. ทัศนคติที่มีต่อการรักษาและการล่วงละเมิดศีล ๕ ของพุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานคร เห็นด้วยมากที่สุด ได้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในการงาน และทัศนคติไม่เห็นด้วยมากที่สุด ได้แก่ การล่าสัตว์เป็นกีฬาที่น่าตื่นเต้น
๔. ทุกปัจจัยไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพการสมรส อาชีพ รายได้ต่อเดือน ระยะเวลาที่อาศัย เขตที่อาศัย และลักษณะสภาพแวดล้อมที่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร มีผลต่อระดับทัศนคติที่มีต่อศีล ๕ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
๕. พุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานครส่วนใหญ่ละเมิดศีล ๕ โดยการ ฆ่าสัตว์ หยิบเงินพ่อแม่ไปใช้โดยไม่บอกกล่าว มีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของตนก่อนแต่งงาน โกหกพ่อแม่ และ ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ดื่มสุรา และ ดื่มเบียร์, ไวน์ ส่วนพฤติกรรมการรักษาศีล ๕ ส่วนใหญ่รักษาศีลอย่างเข้มงวดในบางโอกาส (เช่น เมื่อเข้าอบรมกรรมฐาน) และส่วนใหญ่รักษาศีลข้อ ๒ รองลงมารักษาศีลข้อ ๓ ข้อ ๑ ข้อ ๕ และ ข้อ ๔ ตามลำดับ มีเป็นส่วนน้อยที่ไม่เคยรักษาศีล ๕ เลย และส่วนใหญ่เห็นว่าสถานที่มีผลต่อการรักษาศีล ๕ และพบว่าสถานที่ที่มีผลมากที่สุดคือที่วัด รองลงมาคือที่บ้าน ที่ทำงานตามลำดับ
๖. ทุกปัจจัยไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพการสมรส อาชีพ รายได้ต่อเดือน ระยะเวลาที่อาศัย เขตที่อาศัย ลักษณะสภาพแวดล้อมที่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร และทัศนคติต่อการรักษาและล่วงละเมิดศีล ๕ พบว่า มีผลต่อพฤติกรรมการรักษาและล่วงละเมิดศีล ๕ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕
๗. ปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้คนไทยไม่สามารถรักษาศีล ๕ ได้ เป็นเพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พุทธศาสนิกชนไม่ใส่ใจในศาสนาและเพราะความอยากได้อยากมีไม่รู้จักพอของมนุษย์ ส่วนแนวทางแก้ไขพุทธศาสนิกชน กรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ แนะนำให้ บอกให้รู้ถึงโทษของการทำร้ายสัตว์ รัฐบาลควรทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเพื่อให้ประชาชนมีงานทำ ควรบอกถึงข้อดีของการรักเดียวใจเดียว ควรรณรงค์ ให้พูดแต่ความจริง ไม่โกหก ควรบอกให้รู้ถึงโทษของการดื่มสุราว่ามีข้อเสียอย่างไรบ้าง ส่วนแนวทางที่จะสามารถช่วยให้พุทธศาสนิกชนหันมารักษาศีล ๕ มากขึ้น ส่วนใหญ่แนะนำ ให้ พ่อแม่ควรให้การอบรมสั่งสอนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ควรมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ให้คนหันมาสนใจในพระพุทธศาสนามากขึ้น งดสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เกิดสิ่งล่อใจ เช่น ผับ คาราโอเกะและควรมีบทลงโทษที่จริงจังและรุนแรงมากขึ้น
Download |