วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาความเป็นมาของงานบุญผะเหวด(เทศน์มหาชาติ)ของจังหวัดร้อยเอ็ด (๒) เพื่อศึกษารูปแบบการเทศนาในงานบุญผะเหวด(เทศน์มหาชาติ)ของจังหวัดร้อยเอ็ด และ (๓) เพื่อศึกษาสัมฤทธิผลในการฟังเทศน์ในงานบุญผะเหวด (เทศน์มหาชาติ) ของจังหวัดร้อยเอ็ด
ผลการศึกษาพบว่า
บุญผะเหวดจังหวัดร้อยเอ็ดแต่เดิมทีเป็นบุญประเพณีพื้นบ้านที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อในทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นพุทธบูชาและเพิ่มพูนทั้งสติปัญญาอันเกิดแต่การฟังเทศนาด้วย แต่วิวัฒนาการปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นบุญประเพณีเชิงพาณิชย์
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยอาศัยพิธีกรรมในทางพระพุทธศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นเครื่องมืออุปกรณ์ในการเผยแผ่ได้ ในงานบุญผะเหวดหรือเทศน์เวสสันดรชาดก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้บุคคลสนใจในพระพุทธศาสนา ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดได้พยายามสร้างอัตลักษณ์ของตนเองขึ้นมา โดยความร่วมมือทั้งส่วนคณะสงฆ์ ข้าราชการ ประชาชนทั่วไป ได้ร่วมพัฒนาบุญประเพณีดังกล่าวที่เป็นความเชื่อของคนอีสานที่มักจะกระทำในระหว่างเดือน ๓ หรือ ๔ ในทุกปี เมื่อบุญพิธีดังกล่าวได้ถูกวิวัฒนาการมาจากแรงผลักดันของภาครัฐ งานบุญดังกล่าวจึงได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระแสเศรษฐกิจและการเมืองในระดับประเทศ โดยเห็นได้จากยอดเงินบริจาคที่เพิ่มขึ้นและลดลงซึ่งเกิดขึ้นเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ และได้เชื่อมโยงระหว่างการเมืองระดับชาติกับนักการเมืองและข้าราชการในจังหวัด เป็นการเชื่อมโยงระหว่างงานบุญพิธีทางศาสนากับสังคมและการเมืองยิ่งขึ้นทุกวัน ร่องรอยแห่งความเชื่อดั้งเดิมเริ่มถดถอยเป็นเพียงพิธีกรรมรองหรือเป็นอุปกรณ์ทางการเมืองเท่านั้น
หลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ทรงสอนไปตามลำดับจากเรื่องง่ายไปหาเรื่องยาก จากรูปธรรมที่เห็นได้ง่ายไปสู่เรื่องนามธรรมที่มองเห็นได้ยาก มุ่งเน้นให้ภิกษุตลอดถึงคฤหัสถ์ผู้ฟังเกิดความเลื่อมใสมากขึ้นไปตามลำดับ มีจิตอ่อนโยนเหมาะสม ไม่มีนิวรณ์ เพิ่มพูนให้เกิดศรัทธาขึ้นก่อน แล้วจึงสอนหลักธรรมชั้นสูงกระทั่งผู้ฟังได้บรรลุธรรมตามสมควรแก่อินทรีย์บารมีของแต่ละบุคคล ดังจะเห็นได้จากหลักอนุปุพพิกถา ส่วนวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เหล่าพระสาวกทำสืบต่อกันมามี ๔ แนวทางใหญ่ๆ คือ สันทัสสนา (ชี้แจงให้เห็นชัด) สมาทปนา (ชวนให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ) สมุตเตชนา (เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า) สัมปหังสนา (ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง)
รูปแบบการเทศน์ผะเหวดของจังหวัดร้อยเอ็ดในยุคปัจจุบันนั้น มีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน คือการเทศน์แบบลำผะเหวด คือ การเทศน์ตามใบลานที่นักปราชญ์ประพันธ์ไว้เป็นร้อยแก้ว การเทศน์แบบที่สองคือการเทศน์แหล่ธรรมนองสรภัญญะ ซึ่งผู้เทศน์นั้นต้องมีน้ำเสียงที่ดีสามารถโน้มใจผู้ฟังให้เกิดอยากทำตามโพธิสัตวจริยาได้
บุญผะเหวดเป็นงานบุญประเพณีที่สื่อให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจ ร่วมรักสามัคคีของคนในชุมชนอีสานมาแต่โบราณกาล ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ใน ๔ ด้าน คือ ๑)ทางด้านจริยธรรม ประชาชนประพฤติตนดีงาม ๒) ด้านพฤติกรรม มีการแสดงออกทางกาย วาจา ใจดีขึ้น ๓) ด้านการศึกษา ประชาชนมีความรู้ดีขึ้น ๔) ด้านคุณภาพชีวิต ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นอันเป็นผลมาจากความสามัคคี สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นได้จากงานบุญผะเหวดนั่นก็คือ การสร้างงานศิลปะ อันสื่อให้เห็นถึงความละเมียดละไมทางจิตใจของผู้สร้างสรรค์งานศิลป์ เพราะศิลปะเปรียบดังภาษาที่บ่งบอกถึงวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน บ่อเกิดของอารยธรรมแหล่งต่างๆ ของมนุษยชาติต่างก็มีแนวโน้มที่ให้อิทธิพลสืบต่อกันมาอย่างไม่จบสิ้น
download |