การศึกษาเปรียบเทียบบทบาทในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของนักธุรกิจในสมัยพุทธกาลกับปัจจุบัน : ศึกษาเฉพาะกรณี ดร.บุญยง ว่องวานิช การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ เพื่อศึกษาบทบาทของนักธุรกิจที่มีต่อพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล เพื่อศึกษาบทบาทของดร.บุญยง ว่องวานิชที่มีต่อพระพุทธศาสนา และเพื่อศึกษาเปรียบเทียบบทบาทในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของนักธุรกิจในสมัยพุทธกาลกับกรณี ดร.บุญยง ว่องวานิช ผลการวิจัยสรุปดังนี้
บทบาทของนักธุรกิจที่มีต่อพระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาลสามารถสรุปเป็น ๓ ประเด็น คือ ประเด็นที่ ๑ การนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาพบว่า นำมาใช้เป็นแนวทางต่อการการบริหารได้แก่ การบริหารตน การบริหารคน การบริหารงาน ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตต่อตนเองครอบครัวและสังคม ประเด็นที่ ๒ การนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวันพบว่า นักธุรกิจสมัยพุทธกาลได้เข้าไปมีส่วนในกิจกรรมที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในด้านต่างๆ เช่น การให้ความอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา การถวายบำรุงพระสงฆ์ การถวายเครื่องอุปโภคและยารักษาโรค การสร้างเสนาสนะ มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นผู้คอยประสานความสัมพันธ์อันดีต่อพระสงฆ์ให้มีความสามัคคี ประเด็นที่ ๓ เป็นส่วนที่เนื่องกันจากกิจกรรม พบว่านักธุรกิจได้เข้าไปมีบทบาทต่อการส่งเสริมพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นบทบาทการสร้างศาสนทายาท บทบาทการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และบทบาทด้านสังคมสงเคราะห์ เพื่อความดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาให้มั่นคงตั้งมั่น
บทบาทของดร.บุญยง ว่องวานิชที่มีต่อพระพุทธศาสนา สามารถสรุปได้ ๓ ประเด็นคือ ประเด็นที่ ๑ การนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นแนวทางต่อการบริหารตน บริหารคน และบริหารงาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเองและสังคมให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ประเด็นที่ ๒ การเข้าไปมีส่วนในกิจกรรม เพื่ออุปถัมภ์และส่งเสริมพระพุทธศาสนา ตลอดจนยังเป็นผู้ที่ประสานสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อประชาชนกับศาสนา โดยผ่านช่องทางกิจกรรม ประเด็นที่ ๓ การเข้าไปมีบทบาทต่อการส่งเสริมพระพุทธศาสนา เป็นส่วนที่เนื่องกันจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรม เช่น บทบาทการสร้างศาสนทายาท บทบาทการเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อชักจูงให้ไปฟังธรรม สนทนาธรรม รวมถึงบทบาทด้านสังคมสงเคราะห์ เริ่มจากการอนุเคราะห์ญาติ ต่อด้วยสงเคราะห์มิตรสหาย การสงเคราะห์บริวารและสงเคราะห์ผู้ยากไร้
เปรียบเทียบบทบาทในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของนักธุรกิจในสมัยพุทธกาลกับกรณีของดร.บุญยง ว่องวานิช สรุปได้ ๓ ประเด็น คือ ประเด็นที่ ๑ ในหลักการบริหารตน บริหารคน บริหารงาน พบว่าทั้งสองยุคมีความสอดคล้องกันด้วยการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารเพื่อพัฒนาตนเองครอบครัวและสังคม แต่มีความแตกต่างกันตามสภาพกาลเวลาประเด็นที่ ๒ กิจกรรมที่เข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนา เช่น การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาด้วยปัจจัยสี่ พบว่าทั้งสองยุคเข้าไปมีส่วนในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ในความแตกต่างขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการอุปถัมภ์ ประเด็นที่ ๓ บทบาทในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างศาสนทายาท การเข้าไปเผยแผ่ การช่วยเหลือในด้านสังคมสงเคราะห์ พบว่าทั้งสองยุคมีความสอดคล้องกันและทำคู่กันกับกิจกรรมด้วยจุดหมายเดียวกัน ด้วยการนำหลักคำสอนมาเป็นแนวทางต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต พบถึงความแตกต่างตามบทบาทในกิจกรรมต่างๆ ต่อการส่งเสริมพระพุทธศาสนา
download |