วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การฝึกปฏิบัติสมาธิตามหลัก อานาปานสติสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแบบโมเดลซิปปา (CIPPA MODEL) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนชุมชนหนองเม็ก อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น (๒) เพื่อศึกษาการนำผลการฝึกปฏิบัติสมาธิตามหลักอานาปานสติไปพัฒนาพฤติกรรมเชิงคุณธรรม จริยธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนชมชนหนองเม็ก (๓) เพื่อศึกษาความเชื่อ ความศรัทธาต่อการฝึกปฏิบัติสมาธิตามหลักอานาปานสติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ โรงเรียนชมชนหนองเม็ก
ผลการวิจัยพบว่า การฝึกสมาธิตามหลักอานาปานสติเป็นแนวทางหนึ่งที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาจิตใจของนักเรียนให้มีสติมั่นคงไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่มากระทบ เพราะมีหลักในการควบคุมจิตใจและยังเป็นการจัดระเบียบความคิดของตนเอง สามารถนำใช้ในการดำรงชีวิต เช่น การศึกษา การทำงาน และการตัดสินใจปัญหาต่างๆ เป็นต้น รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแบบโมเดลซิปปา เป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้นักเรียนมีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้ทั้งทางร่างกายสติปัญญา อารมณ์ ซึ่งเน้นให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อม โดยภาพรวม การจัดกิจกรรมด้วยวิธีดังกล่าวทำให้นักเรียนมีโอกาสสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
พัฒนาการพฤติกรรมเชิงคุณธรรม จริยธรรมของนักเรียนหลังการปฏิบัติอานาปานสติ ด้านการตอบแทนพระคุณต่อบิดามารดา ร้อยละ ๑๐๐ การให้อภัยผู้อื่น ร้อยละ ๙๑.๕๕ ความสำรวมในกิริยามารยาท ร้อยละ ๘๕.๙๒ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ร้อยละ ๘๓.๑๐ และการเสพสิ่งเสพติด เช่น บุหรี่ ยาบ้า ร้อยละ ๗๓.๒๔ ตามลำดับ ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับมากที่สุดทุกข้อ
ส่วนความเชื่อศรัทธาต่อการฝึกปฏิบัติสมาธิตามหลักอานาปานสติ หลังการฝึกปฏิบัติสมาธิ นักเรียนเชื่อในกฎแห่งกรรม ความคิดในการทำความดี ร้อยละ ๙๑.๕๕ เท่ากัน ความอดทนในการทำกิจกรรมต่างๆ คิดเป็นร้อยละ ๘๕.๙๒ มีความสุขกายสุขใจ ร้อยละ ๘๔.๕๑ ศรัทธาต่ออานิสงส์การเจริญอานาปานสติอย่างสม่ำเสมอ และการให้ความสำคัญของการควบคุมสติ ร้อยละ ๘๑.๖๙ เท่ากัน ความศรัทธาต่อพระสงฆ์ ร้อยละ ๘๐.๒๘ การปฏิบัติธรรมสามารถช่วยให้มีสติหรือแก้ปัญหาชีวิตได้ ร้อยละ ๗๘.๘๗ ศรัทธาต่อหลักธรรม ร้อยละ ๗๖.๒๔ ตามลำดับ ซึ่งจัดอยู่ในเกณฑ์ระดับมากที่สุดทุกข้อ
Download |