หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์
 
เข้าชม : ๑๙๙๗๓ ครั้ง
การศึกษาวิเคราะห์การเมืองการปกครองในคัมภีร์พระพุทธศาสนา (๒๕๕๓)
ชื่อผู้วิจัย : นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ข้อมูลวันที่ : ๑๐/๑๐/๒๐๑๑
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระราชวรมุนี
  รศ.พิเศษ ดร. อดิศร เพียงเกษ
  อาจารย์รังษี สุทนต์
วันสำเร็จการศึกษา : 2553
 
บทคัดย่อ

การศึกษาวิเคราะห์การเมืองการปกครองในคัมภีร์พระพุทธศาสนานี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ (๑)เพื่อศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองการปกครองรัฐในคัมภีร์พระพุทธศาสนา (๒)  เพื่อศึกษารูปแบบและวิธีการบริหารรัฐกิจในคัมภีร์พระพุทธศาสนา (๓) เพื่อศึกษาวิธีประยุกต์รูปแบบและวิธีการบริหารรัฐกิจมาใช้ในสังคมไทย

 ผลการวิจัย พบว่า  การเมืองการปกครอง หมายถึง การปกครองดูแลแผ่นดินที่เป็นอาณาเขตรัฐของตน รวมถึงการดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาราษฎร์ที่อาศัยอยู่ภายในแผ่นดิน ซึ่งจะเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองการปกครองได้จากบริบทต่าง ๆ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนามี ๓ บริบท คือ (๑)บริบททางการเมือง (๒)บริบททางสังคม และ (๓)บริบททางเศรษฐกิจ  โดยบริบททางการเมืองนั้นมีทั้งความหมายของรัฐ การกำเนิดและวิวัฒนาการของรัฐ ความสำคัญของรัฐ  ความสัมพันธ์ภายในรัฐ สงครามระหว่างแคว้น  อำนาจในการปกครอง  ความหมายของอธิปไตย และผู้ปกครอง มีโครงสร้างทางสังคมที่เป็นนักรบนักบวชและสามัญชนจนในที่สุดกลายมาเป็นระบบวรรณะที่มีกษัตริย์เป็นชนชั้นปกครอง สภาพเศรษฐกิจสมัยพุทธกาล เป็นการผสมผสานระหว่างการเลี้ยงสัตว์ และกสิกรรมเป็นหลักหลักธรรมที่ใช้ในการปกครองเหมาะสมกับการเป็นอยู่ในสมัยนั้น เช่นหลักทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการ จักรวรรดิวัตร ๑๒ ประการ  สังคหวัตถุ ๔ ประการ อคติ ๔ ประการใช้สำหรับชนชั้นผู้นำหลักธรรมที่ใช้และประพฤติร่วมกัน ทั้งชนชั้นผู้ปกครอง ผู้สนองงาน ข้าราชบริพารและประชาราษฎร์ เช่น   ทิศ ๖ และ จริต ๖

รูปแบบการบริหารรัฐกิจในคัมภีร์พระพุทธศาสนาแบ่งเป็น ๒  รูปแบบ  คือ (๑)  แบบราชาธิปไตย  และ (๒) แบบสามัคคีธรรม ซึ่งมี ๓ ประเด็น คือ (๑) ความหมาย  (๒) อธิปไตย และ (๓) หลักการปกครอง   โดยการปกครองแบบราชาธิปไตยนี้เป็นระบบการเมืองการปกครองของไทยในอดีต เรียกว่า  สมบูรณาญาสิทธิราชย์พระมหากษัตริย์มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศ  เมืองที่เป็นศูนย์กลางในปกครองในสมัยพุทธกาลมี ๔ รัฐ ได้แก่  มคธ โกศลวังสะ และอวันตี   การปกครองแบบสามัคคีธรรม  ปัจจุบันเราเรียกว่า  ประชาธิปไตย  คือ รัฐวัชชี  

วิธีการบริหารรัฐกิจในคัมภีร์พระพุทธศาสนามี ๒ วิธี คือ (๑) วิธีการบริหารรัฐกิจ
ใน
ส่วนข้าราชบริพารและ  (๒) วิธีการบริหารรัฐกิจในส่วนประชาราษฎร์ ทั้งส่วนคฤหัสถ์
(ที่มิใช่ข้าราชบริพาร) และส่วนสมณสงฆ์  ซึ่งมี ๔ ประเด็น คือ  (๑) ความหมาย   (๒) การได้รับตำแหน่งหรือการแบ่งกลุ่มการปกครอง (๓) บทบาทและหน้าที่  และ (๔) คุณธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนา

สำหรับการประยุกต์รูปแบบและวิธีการบริหารรัฐกิจมาใช้ในสังคมปัจจุบัน เช่น พระราชาทรงให้ความสำคัญแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ในปัจจุบัน เช่น ทางคณะรัฐบาลต้องให้ความสำคัญและ ปรึกษาปัญหากับคณะสงฆ์  การประยุกต์หลักธรรมในการบริหารรัฐกิจแบบสามัคคีธรรมของแคว้นวัชชีมาใช้ในระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

Download

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕