วิทยานิพนธ์เล่มนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการคือ (๑) เพื่อศึกษาประวัติผลงานของนกน้อย อุไรพร และพัฒนาการของวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน (๒) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการเชิงพุทธและหลักพุทธธรรมที่ใช้ในการบริหารจัดการของวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน (๓) เพื่อศึกษาผลการประยุกต์หลักพุทธธรรมที่ใช้ในการบริหารจัดการของวงหมอลำคณะเสียงอิสาน และบทบาทที่มีต่อวิถีชีวิตชาวอีสาน ซึ่งผลการศึกษามีดังนี้
ประวัติผลงานของนกน้อย อุไรพร และพัฒนาการของวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน พบว่า นกน้อย อุไรพร ชื่อจริงว่า อุไร ฉิมหลวง (สกุลเดิม สีหะวงษ์) เกิดวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๐๐ ที่บ้านจอมพระ ตำบลยางชุมน้อย อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นบุตรนายสม นางบัวผัน สีหะวงษ์ มีพี่น้องร่วมกัน ๕ คน เป็นคนสุดท้อง เริ่มเข้าสู่วงการเมื่อปี ๒๕๑๔ กับวงดนตรีคณะเพชรพิณทอง ร้องเพลงอัดแผ่นเสียงครั้งแรกปี ๒๕๑๖ ด้วยเพลงคอยรักจากเสียงพิณและภาพถ่ายวิญญาณรัก มีผลงานเพลงรวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๓ ชุด ลำเรื่องต่อกลอนจำนวน ๘ เรื่อง การแสดงตลก ๒๑ ชุด ประวัติวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน เมื่อปี ๒๕๑๙ นายมัยกิจ ฉิมหลวง และนกน้อย อุไรพร ได้ร่วมกันดำเนินการบริหารหมอลำคณะสะอาดนาฏศิลป์ ต่อจากนายสะอาด สีตะบุตร ที่เป็นหัวหน้าและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน มีนายมัยกิจ ฉิมหลวง เป็นผู้จัดการ นกน้อย อุไรพร เป็นหัวหน้าคณะได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ด้านความหมายและประเภทของหมอลำ ได้นำหลักกวีกถาที่ว่าด้วยกวีทางพระพุทธศาสนามาอธิบายความหมายและประเภทของหมอลำด้วย
การบริหารจัดการเชิงพุทธและหลักพุทธธรรมที่ใช้ในการบริหารจัดการของวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน พบว่า การบริหารจัดการของผู้นำองค์กร ได้นำ พุทธวิธีการบริหาร โดยยึดหลักธรรมาธิปไตยเป็นสำคัญใช้บริหารด้วยเหตุผลที่ว่า ผู้บริหารต้องประพฤติธรรมและใช้ธรรมเป็นหลักในการบริหาร พุทธวิธีบริหารจึงไม่เป็นทั้งเป็นอัตตาธิปไตย (การถือตนเองเป็นใหญ่) และโลกาธิปไตย (การถือคนอื่นเป็นใหญ่) มีการนำหลักการบริหารเชิงพุทธ ๓ ข้อ คือ จักขุมา มีปัญญามองการณ์ไกล วิธุโร จัดการธุระได้ดี และนิสสยสัมปันโน พึ่งพาอาศัยคนอื่นได้มีมนุษยสัมพันธ์ดี มาใช้ในการบริหารรู้จักใช้เครื่องมือแห่งความสำเร็จ คือ หลักปสิทธิธัมมูปกรณกถา ๔ ประกอบการดำเนินงาน อาศัยหลักธรรมคุณสมบัติของคนดี คือ สัปปุริสธรรม ๗ มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ
ผลการประยุกต์หลักพุทธธรรมที่ใช้ในการบริหารจัดการของวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน และบทบาทที่มีต่อวิถีชีวิตชาวอีสาน พบว่า การบริหารจัดการเชิงพุทธ คณะผู้บริหารมีแนวคิดในหลักการบริหารจัดการวงที่ดี ด้วยการวางกฎเกณฑ์ในการคัดเลือกบุคลากรและกติกาการอยู่ร่วมกันของสมาชิก มีการกำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนและแนวทางสำหรับแก้ปัญหา มีการบริหารกลยุทธ์ด้านการตลาดและงานประชาสัมพันธ์ มีการนำหลักพุทธธรรมไปประยุกต์ใช้อยู่ ๒ ลักษณะ คือ (๑) ด้านจริยศิลป์หรือจริยธรรมการแสดง ได้แก่ หลักเบญจศีล เบญจธรรม ให้มีสติสัมปชัญญะรู้จักปฏิบัติตามศีล ๕ มีความซื่อสัตย์ หลักอปริหานิยธรรม ๗ ให้เกิดความพร้อมเพรียงยึดกติกาของสังคมมีสัมมาคารวะ หลักเทวธรรม ๒ (หิริ-โอตตัปปะ) ให้ควบคุมอารมณ์มีความละอายเกรงกลัวต่อโทษแห่งการทำผิด (๒) หลักพุทธธรรมที่ใช้ในการบริหารจัดการวงดนตรีหมอลำคณะเสียงอิสาน ได้แก่ หลักพรหมวิหาร ๔ ทำให้ทีมงานให้มีจิตใจเอื้อเฟื้อมองคนอื่นในทางที่ดี มีจิตเมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมงานและคนทั่วไป หลักอิทธิบาท ๔ ทำให้มีความพอใจขยันหมั่นเพียรมีจิตสำนึกในอาชีพของตน คิดรอบคอบ หลักสัจจะ มีความจริงใจพูดความจริงรักษาสัญญา หลักความรู้จักกตัญญูกตเวที ทำให้รู้บุญคุณของผู้กระทำคุณแก่ตนและตอบแทนผู้มีพระคุณ ส่งเสริมให้รู้จักความดีของคนอื่นประพฤติสม่ำเสมอ ส่วนบทบาทด้านการให้บริการแก่สังคม ประกอบด้วย การไปแสดงในงานต่าง ๆ การประพันธ์บทกลอนลำและเพลง การสอนลำแก่เยาวชนและการแสดงหมอลำในงานการกุศลทั่วไปที่เป็นการให้บริการแบบสอนให้เรียนรู้อย่างแท้จริงจนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ บทบาทที่สะท้อนวิถีชีวิตของชาวอีสานให้ทั้งด้านความบันเทิง การให้ความรู้ การสอนคติธรรมและพิธีกรรมไปพร้อมกัน
Download |