การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในสังคมปัจจุบันและในพระพุทธศาสนา (๒) เพื่อศึกษาปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนกับศีลข้ออทินนาทานในพระพุทธศาสนา (๓) เพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนตามหลักพระพุทธศาสนา โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยในเชิงเอกสาร โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากพระไตรปิฎก อรรถกถา วรรณกรรม รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาวิเคราะห์สังเคราะห์ตามหลักการวิจัย และนำเสนอข้อมูลในเชิงพรรณนา
ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในทางสังคมและทางกฎหมายมีขอบเขตพฤติกรรมที่กว้างกว่าการทุจริต โดยที่ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในสังคมไทยเกี่ยวข้องกับปัญหา ๓ ลักษณะ คือ (๑) การทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง (๒) การคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย และ (๓) ความประพฤติมิชอบ ส่วนปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในพระพุทธศาสนามีความเกี่ยวข้องปัญหาใน ๒ ระดับ คือ (๑) ความขัดแย้งในระดับศีล ได้แก่ การเลี้ยงชีพที่ขัดแย้งไม่สอดคล้องกับพระวินัย (๒) ความขัดแย้งในระดับคุณธรรม ได้แก่ ความเกี่ยวข้องกับอามิสหรือลาภสักการะที่มิชอบด้วยธรรม
ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนกับศีลข้ออทินนาทาน พบว่า มีความเชื่อมโยงกันในเจตนาของการทุจริต และผลลัพธ์ที่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเกิดความบกพร่องแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น จึงถือได้ว่าการกระทำผิดศีลข้ออทินนาทาน เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน แต่พฤติกรรมของปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนจะมีขอบเขตกว้างกว่าการกระทำผิดศีลข้ออทินนาทาน สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในทางพระพุทธศาสนานั้น มีทัศนะที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา ๒ ประการ คือ (๑) การแก้ไขด้วยธรรม โดยเน้นการสร้างคนดี คือ การพัฒนาคุณสมบัติของบุคคลให้มีความสุจริตทางกาย วาจา และใจ และ (๒) การแก้ไขด้วยวินัย เช่น การวิเคราะห์และปรับปรุงเกณฑ์การวินิจฉัยเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนและอทินนาทานให้มีความสอดคล้องกัน และการปรับปรุงระเบียบวินัยที่บัญญัติหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม
download |