วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ข้อ คือ ๑. เพื่อศึกษาโครงสร้างเนื้อหา ของมโหสถชาดก ๒. เพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อพิพาทที่ปรากฏในมโหสถชาดกและ ๓. เพื่อวิเคราะห์วิธีการที่มโหสถบัณฑิตใช้ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ผลการวิจัยพบว่า มโหสถชาดกมีความสำคัญ ๒ ประการ ได้แก่ ๑. เป็นชาดก ที่แสดงหลักคำสอนสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์ ๒. เป็นคติธรรม ที่สร้างสัทธาปสาทะปรากฏเป็นบุคคลาธิษฐาน สามารถเข้าใจหลักปฏิจจสมุปบาทแบบ ขณะปัจจุบันและแบบข้ามภพข้ามชาติ เพราะตราบใดบุคคลไม่สิ้นอาสวกิเลสต้องเวียนว่าย ตายเกิดในสังสารวัฏ อิทธิพลข้อนี้สะท้อนให้เห็นในรูปแบบงานวิจิตรศิลป์ของไทย อาทิ จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ หรือวิหาร เป็นต้น
ข้อพิพาทที่ปรากฏในมโหสถอรรถกถาชาดกมี ๖ กรณีคือ เรื่องโค , เครื่องประดับทำเป็นปล้อง ๆ, กลุ่มด้าย, บุตร, คนเตี้ยชื่อโคฬกาฬ, และรถ โดยเกิดขึ้นจากสาเหตุสำคัญ ๒ ประการคือ ๑. สาเหตุภายใน ซี่งมีอกุศลธรรมที่ชื่อว่า “ปปัญจธรรม” อันประกอบไปด้วย ตัณหา มานะ และทิฏฐิ รวมทั้งกุศลธรรม (แสดงออกเป็นกุศลกรรม) ที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดข้อพิพาท ๒. ปัจจัยภายนอก มีข้อพิพาทที่ปรากฏเป็นรูปธรรมแบ่งออกได้เป็น ๔ ด้าน คือ ๑) ข้อพิพาทเกี่ยวกับชาติพันธุ์ ๒) ข้อพิพาทเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ๓) ข้อพิพาทเกี่ยวกับข้อมูลหรือข้อเท็จจริง ๔) ข้อพิพาทเกี่ยวกับผลประโยชน์
วิธีการที่มโหสถบัณฑิตใช้ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทสามารถแบ่งเป็น ๒ ขั้นตอนคือ ๑. การอภิปรายปัญหาหรือข้อพิพาท โดย ๑) การกล่าวเปิดการเจรจาของคนกลาง ๒) การกล่าวของคู่เจรจา ๓) การแยกเจรจา และขั้นตอนที่ ๒. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดย ๑) การเจรจาร่วม ๒) การเขียนหรือทำข้อตกลง
download |