หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระมหานิยม สีลสํวโร (เสนารินทร์)
 
เข้าชม : ๒๑๐๔๖ ครั้ง
การศึกษาเชิงวิเคราะห์แนวคิดเรื่องอนัตตาในพุทธปรัชญาเถรวาท (๒๕๔๒)
ชื่อผู้วิจัย : พระมหานิยม สีลสํวโร (เสนารินทร์) ข้อมูลวันที่ : ๑๗/๐๘/๒๐๑๐
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(ปรัชญา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระศรีปริยัติโมลี (สมชัย กุสลจิตฺโต)
  ศาสตราจารย์ปรีชา ช้างขวัญยืน
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒
 
บทคัดย่อ

วิทยานิพนธ์นี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาวิเคราะห์แนวคิดเรื่องอนัตตาในพุทธปรัชญาเถรวาทตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก  โดยศึกษาในเชิงอภิปรัชญา และจริยศาสตร์ผลจากการศึกษาวิจัยทำให้ทราบว่า

          ๑.พุทธปรัชญา  แสดงหลักอนัตตา   โดยสอดคล้องกับความจริงที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบหลังจากที่ตรัสรู้แล้ว   คือ หลักปฏิิจจสมุปบาท  อนัตตาจึงเป็นหลักความจริงในกฎธรรมชาติที่  สะท้อนให้เห็นถึงทรรศนะทางอภิปรัชญาของพระพุทธศาสนาที่แตกต่างไปจากคำสอนของลัทธิ ศาสนาและปรัชญาอื่น ๆ ในอินเดียอย่างเด่นชัด

          ๒. พุทธปรัชญา  แสดงหลักอนัตตา  โดยสัมพันธ์กับการศึกษา และปฏิบัติธรรมเพื่อมุ่ง ถ่ายถอนความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน คือ ความยึดถือว่าเป็นตัวเรา ของเรา (อหังการ มมัง-การ) เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแนวทางของการปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา  คือ   ความว่างจากตัวตน(อัตตสุญญตา) ความหลุดพ้นจากทุกข์ (วิมุตติ) หรือความดับเย็นเป็นสุข(นิพพาน) ในที่สุดต่อไป

          ๓. พุทธปรัชญามีทรรศนะต่อแนวคิดเรื่องอัตตาแตกต่างจากศาสนาปรัชญาอื่นๆ ในอินเดียสรุปได้ ๒ ประการ คือ

                 ๓.๑  พุทธปรัชญาปฏิเสธความมีอยู่ของอัตตา ที่หมายถึงอะไรบางอย่างที่มีอยู่อย่างแท้จริง เป็นนิรันดร ไม่เปลี่ยนแปลง หรือแตกสลาย ไม่ว่าจะมีอยู่ในฐานะที่เป็นหลักการแรกสุด  หรือมูลเหตุของสากลโลก หรือในฐานะธาตุแท้ หรือธรรมชาติอันเป็นแก่นแท้ของมนุษย์ก็ตาม

                 ๓.๒  พุทธปรัชญาอธิบายว่า สิ่งที่เรียกว่า  "อัตตา" นั้น  เป็นเพียงคำพูดที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวัน  เป็นสำนวนคำพูดที่ใช้เรียกแทนสภาวะอันเป็นที่ประชุมแห่งกองสังขารที่เป็นสังขตธรรม เท่านั้นคำว่า "อัตตา"  นี้จึงหาได้มีความหมาย หรือกินความเข้าไปถึงความมีอยู่แห่งกองขันธ์ในสภาวะที่เป็นตัวตนแท้จริง แยกออกไปต่างหากแต่อย่างใดไม่ เพราะสภาวะตัวตนเช่นนั้นไม่มี มันมีไม่ได้  สิ่งที่มีได้ ย่อมไม่ใช่อัตตา  สิ่งที่เป็นอัตตา ย่อมมีไม่ได้ สรรพสิ่งปรากฏเสมือนว่าเป็นอัตตา แต่เบื้องหลังสภาพที่ปรากฏนั้น  ก็คือภาวะที่แท้จริงว่า  "สิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตา"

 

Download : 254202.pdf
 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕