การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ ๑) เพื่อศึกษาสภาพการมีส่วนร่วมในการส่งเสริม การรักษาศีล ๕ ของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา ๒) เพื่อศึกษาหลักการ วิธีการพัฒนา กระบวนการ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ และ ๓) เพื่อเสนอรูปแบบการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ สำหรับสถานศึกษาระดับประถมศึกษา ซึ่งเป็นงานวิจัยแบบผสานวิธี โดยใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๒๐๕ คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยหา ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เอกสารและสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๕ รูป/คน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
สรุปผลการวิจัยพบว่า
๑. สภาพการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ ของสถานศึกษาระดับประถมศึกษา ในภาพรวม พบว่า มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทั้งหมด ได้แก่ กระบวนการมีส่วนร่วมในขั้นเตรียมการ (ร่วมคิด) กระบวนการ มีส่วนร่วมในขั้นดำเนินการ (ร่วมทำ) และกระบวนการการมีส่วนร่วมในการติดตาม ประเมินผลและเผยแพร่ผลการดำเนินงาน (ร่วมรับผิดชอบ)
๒. หลักการ วิธีการพัฒนา กระบวนการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ ประกอบด้วย ๑) ระบบบริหารแบบมีส่วนร่วมที่มีผลในเชิงปฏิบัติ ผู้บริหารและครูมีส่วนร่วมในการจัดให้มีห้องจริยธรรมสำหรับการพัฒนาจิตเจริญปัญญาของนักเรียนในสถานศึกษา ๒) ปัจจัยที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ผู้บริหารส่งเสริมให้ครูเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับกระบวนการส่งเสริมการรักษาศีล ๕และมีการจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา ๓) การรักษาศีล ๕ เป็นการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ ขั้นพื้นฐานและเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธควรประพฤติ ตามรูปแบบกระบวนการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕
๓. รูปแบบการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ สำหรับสถานศึกษาระดับประถมศึกษา ๑) หลักการและวิธีการที่ผู้บริหาร ครู กรรมการสถานศึกษา พระสงฆ์ ผู้ปกครอง ได้เข้าการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕ ๒) หลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับ ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธควรประพฤติ และวิธีการนำไปใช้ ๓) กระบวนการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการรักษาศีล ๕
Download |