การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (๑) ศึกษาการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี (๒) เปรียบเทียบความคิดเห็นที่มีต่อการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (๓) ศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะสำหรับการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสานวิธี โดยในส่วนของการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือเก็บข้อมูลภาคสนามจาก ประชาชนผู้เข้าปฏิบัติธรรมในสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี จำนวน ๓๘๖ คน วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้โดยหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที และค่าเอฟ วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต่าง จึงทำการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นคู่ ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด และในส่วนของการวิจัยเชิงคุณภาพมีการวิเคราะห์เอกสาร และใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลภาคสนามจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน ๑๒ รูป/คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบบริบท
ผลการวิจัยพบว่า
๑. การบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๓ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านสถานที่ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๙๑ ด้านบุคลากร อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๘ และด้านการบริหารจัดการ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๑
๒. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นที่มีต่อการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลของประชาชน ได้แก่ เพศ และการศึกษา มีผลให้ความคิดเห็นที่มีต่อการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้ ส่วนปัจจัยส่วนบุคคลอื่น ๆ ไม่พบความแตกต่าง
๓. ปัญหา อุปสรรคการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี พบว่า ห้องสุขาของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดบางแห่งไม่สะอาด พัสดุและครุภัณฑ์ของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดบางแห่งอยู่ในสภาพชำรุด สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดบางแห่งให้ความสำคัญกับกลุ่มเยาวชน สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดบางแห่งขาดแผนปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดบางแห่งไม่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน และข้อเสนอแนะสำหรับการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี พบว่า ควรให้ความสำคัญกับการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณห้องน้ำห้องสุขา ทั้งภายในและภายนอก, ควรประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงิน พัสดุ และครุภัณฑ์, ควรสนับสนุนให้พระวิปัสสนาจารย์ทุกรูปได้รับการรับรองจากทางราชการ, ควรจัดกิจกรรมอบรมโดยให้ความสำคัญกับเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก, ควรจัดทำแผนงานประจำปี และเผยแพร่สู่สาธารณชน, ควรส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผนและการดำเนินงาน
Download |