การศึกษาวิจัยเรื่อง “การบริหารปัจจัย : กรณีศึกษาพระทัพพมัลลบุตรเถระ” ซึ่งผู้วิจัย ได้ตั้งวัตถุประสงค์เอาไว้ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษาวิเคราะห์การบริหารปัจจัยของคณะสงฆ์ สมัยพุทธกาล (๒) เพื่อศึกษาวิเคราะห์การบริหารปัจจัยของพระทัพพมัลลบุตรเถระ และ (๓) เพื่อ การประยุกต์ใช้การบริหารปัจจัยที่พึงประสงค์ในคณะสงฆ์ไทยปัจจุบัน การบริหารปัจจัยของคณะสมัยพุทธกาล จากการศึกษาพบว่า รูปแบบการบริหารปัจจัย เป็นสิ่งสำคัญแห่งการดำรงชีวิตร่วมกันของสังคมสงฆ์ โดยมีความจำเป็นที่จะต้องบริหารปัจจัยเพื่อ ให้เกิดความเป็นธรรม (ยุติธรรม) และ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแห่งการเดินเนินชีวิตในสังคมสงฆ์ และเพื่อให้มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตเท่าที่จำเป็น ซึ่งการบริหารจัดการในคณะสงฆ์สมัยพุทธกาล มีการปรับเปลี่ยนไปโดยลำดับ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา และการขยายตัวขององค์กร คณะสงฆ์ โดยในช่วงต้นพุทธกาล การปกครองจะรวมศูนย์อยู่ที่พระพุทธองค์ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ ในการให้อุปสมบท การปกครองดูแล และการอบรมสั่งสอน ต่อมาหลังจากมีการส่งพระสาวก ออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังที่ต่างๆ เป็นเหตุให้มีผู้ต้องการเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนามาก ยิ่งขึ้น พระพุทธองค์จึงได้เริ่มกระจายอำนาจในการปกครอง โดยเริ่มจากการให้พระสาวกผู้เป็น พระอรหันต์ แต่ละรูปมีอำนาจในการให้อุปสมบท และให้การศึกษาอบรมพระภิกษุใหม่ ผู้เป็น สิทธิวิหาริกของตนต่อมาเมื่อคณะสงฆ์มีการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนโดยมีอารามหรือวัดเป็นศูนย์กลาง. เช่นวัดเวฬุวัน วัดเชตวัน วัดนิโครธาราม เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับรูปแบบการบริหาร ให้เหมาะสมสอดคล้องกับรูปแบบของชุมชน ดังนั้นพระพุทธองค์จึงมอบอำนาจการบริหารให้แก่ คณะสงฆ์โดยส่วนรวม หมายถึงการให้สงฆ์ หรือหมู่คณะสงฆ์เป็นใหญ่ในการปกครอง การตัดสิน ชี้ขาดปัญหาต่างๆ ซึ่งผลของการกระจายอำนาจครั้งนี้ทำให้เกิดรูปแบบการบริหารปัจจัย ที่อาศัยมติ หรือความเห็นชอบของหมู่คณะที่เรียกว่า “สังฆกรรม” เช่นการให้อุปสมบท การให้ผ้ากฐินและ การมอบหมายแต่งตั้งให้พระรูปใดรูปหนึ่งมีหน้าที่ผิดชอบในเรื่องต่างๆ การบริหารปัจจัยของพระทัพพมัลลบุตร จากการศึกษาพบว่า เป็นหลักการบริหารปัจจัย ที่เน้นหลักอคติ ๔ อย่าง กล่าวคือไม่ลำเอียงเพราะชอบ ไม่ลำเอียงเพราะชัง ไม่ลำเอียงเพราะหลง ไม่ลำเอียงเพราะกลัว ส่วนวิธีการบริหารปัจจัยของพระทัพพมัลลบุตร กรณีการจัดแจงภัตตาหาร ให้พระภิกษุสงฆ์ไปฉันในที่มีผู้นิมนต์ โดยยึดหลักแห่งความเสมอภาค และตามอาวุโสหมายถึงผู้ที่ ประกอบด้วยคุณวุฒิวัยวุฒิที่บวชมาก่อน และก็ยังจัดตามความคุ้นเคยกับเจ้าภาพเพื่อความต้องการ ของเจ้าภาพ ท่านมีวิสัยทัศน์ในการวิเคราะห์คน เช่นการจัดให้ผู้มีอัธยาศัยคล้ายๆ กัน ให้รวมเป็น กลุ่มเป็นพวกอยู่ในที่แห่งเดียวกันเพื่อจะได้ทำกิจร่วมกัน ไม่ให้เกิดความขัดแย้งกัน และยังจัดตาม ความประสงค์ของผู้ที่ต้องการจะพัก เป็นต้น การบริหารปัจจัยของพระทัพพมัลลบุตร สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรคณะสงฆ์ ไทยสมัยปัจจุบันที่น่าจะพึงประสงค์ดังนี้ คือโดยเหตุที่คณะสงฆ์ไทยปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการรวม ศูนย์อำนาจการปกครองไว้ที่ส่วนกลาง ซึ่งทำให้ขาดความคล่องตัวในการบริหารงานในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแจกภัต (อาหาร) และด้านเสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) ดังนั้นหลักการบริหารปัจจัย ของพระทัพพมัลลบุตร สามารถนำมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาดังกล่าวนี้ได้ โดยการบริหารปัจจัยของ คณะสงฆ์จะต้องเน้นการให้ความยุติธรรมในทุกๆ เรื่อง กล่าวคือการปฏิบัติหน้าที่โดยความเสมอ ภาค ไม่ลำเอียงเพราะชอบไม่ลำเอียงเพราะชัง ไม่ลำเอียงเพราะหลง ไม่ลำเอียงเพราะกลัว เมื่อกล่าวโดยสรุป หลักการนี้ได้ชื่อว่าเป็นพื้นฐานแห่งการอยู่ร่วมในสังคมเดียวกันเมื่อ ไม่มีความลำเอียงแล้วก็ย่อมเป็นที่รักของผู้ที่อยู่ร่วมในองค์กรเดียวกัน ซึ่งเป็นการยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน อันเป็นการสงเคราะห์กันด้วยน้ำใจอันดี Download : 255130.pdf