งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาพุทธวิธีการสอนตามหลักพระพุทธศาสนาสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัยในสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ๒) เพื่อศึกษากระบวนการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลักพุทธจิตวิทยาสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัย และ ๓) เพื่อเสนอกระบวนการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลักพุทธจิตวิทยาที่เหมาะสมสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัย โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เริ่มจากการศึกษาเอกสารเกี่ยวกับพุทธวิธีการสอนตามหลักพระพุทธศาสนาสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัยในสำนักปฏิบัติกรรมฐานในอดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลงพื้นที่สำรวจ สังเกตการณ์ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลักพุทธจิตวิทยาสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัย โดยวิธีการสัมภาษณ์ และสนทนากลุ่มย่อย พระวิปัสสนาจารย์ และผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชน (อายุไม่เกิน ๑๘ ปี) และกลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ ๑๘ ปีขึ้นไป) ทำการวิเคราะห์เนื้อหา สังเคราะห์กระบวนการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลักพุทธจิตวิทยาที่เหมาะสมสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัย ผลวิจัยพบว่า
๑. พุทธวิธีการสอนตามหลักพระพุทธศาสนาสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัยในสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
๑) หัวข้อและเนื้อหาที่สอน เริ่มจากเรื่องที่สร้างความเข้าใจและปฏิบัติได้ง่าย ๆ ไปสู่ระดับที่ยากขึ้น ใช้เรื่องจริงเชิงประจักษ์ที่เทียบเคียงได้เป็นตัวอย่าง ชี้ให้เห็นถึงเหตุและผลของเรื่องราวดังกล่าว และเกิดประโยชน์ที่ผู้ฟังนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสมกับช่วงวัยของผู้ฟัง
๒) วิธีการและลีลาการสอน ซึ่งใช้เป็นหลักที่เหมาะสมสำหรับบุคคลทุกช่วงวัย คือ
(๑) อธิบายให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
(๒) จูงใจให้คล้อยตามและเร้าใจให้แกล้วกล้า
(๓) ให้มีการถามโต้ตอบ
(๔) กำหนดกฎเกณฑ์การเรียนรู้
(๕) ตรงตามจริต และความสุกงอมของอินทรีย์/ญาณของผู้ฟัง
(๖) สอนให้ปฏิบัติตาม
๒. กระบวนการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลักพุทธจิตวิทยาสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัยครอบคลุมประเด็นต่างๆ ได้แก่
๑) เนื้อหาสาระที่ใช้สอน สำหรับกลุ่มเยาวชนจะเน้นเนื้อหาทางหลักธรรมมากกว่าการปฏิบัติธรรม แต่กลุ่มใหญ่จะให้สัดส่วนด้านปฏิบัติธรรมมากกว่าหลักธรรม
๒) ขั้นตอนในการสอน สำหรับกลุ่มเยาวชนจะนำด้วยการใช้กิจกรรมกลุ่ม กิจกรรมเดี่ยว และเสริมด้วยธรรมบรรยายตามลำดับ ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่เริ่มด้วยกิจกรรมเดี่ยว ตามด้วยธรรมบรรยาย และการทำกิจกรรมกลุ่ม วิธีการ และเทคนิคที่ใช้เป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ในสำนักปฏิบัติกรรมฐานทั่วไป คือ การสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น การปฏิบัติภาวนา การฟังธรรมบรรยาย และการปิดวาจา
๓) การวัดและประเมินผล ในกลุ่มเยาวชนมีวิธีการที่หลากหลายตามพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กแต่ละช่วงวัย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพระวิทยากร หรือพระพี่เลี้ยง โดยทั่วไปจะแบ่งการวัด และประเมินผลเป็น ๓ ขั้นตอน คือ ระหว่างการทำกิจกรรม ตอนปิดกิจกรรม และติดตามประเมินซ้ำหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม สำหรับกลุ่มผู้ใหญ่ ใช้การสอบอารมณ์ ตามรับรู้อารมณ์ สังเกตพฤติกรรม และการประเมินตนเอง โดยรับรู้ผลการปฏิบัติ จากข้อมูลย้อนกลับของพระวิปัสสนาจารย์
๓. กระบวนการสอนวิปัสสนากรรมฐานตามหลักพุทธจิตวิทยาที่เหมาะสมสำหรับบุคคลแต่ละช่วงวัย กระบวนการสอนปฏิบัติธรรมในภาพรวมประกอบด้วย ๕ ขั้นตอนตามลำดับดังนี้
๑) ใช้ธรรมจริยาผู้สอน ๕ ประการ คือ (๑) สอนตามลำดับ (๒) มีเหตุผลประกอบ (๓) มีจิตเมตตา (๔) ไม่เห็นแก่อามิส (๕) ไม่กระทบต่อผู้อื่น
๒) จำแนกกลุ่มผู้เรียนตามช่วงวัย และตามประสบการณ์การปฏิบัติธรรม กลุ่มช่วงวัยที่เหมาะสมมี ๕ ช่วงวัย คือ กลุ่มเยาวชน ๓ ช่วง คือ อายุต่ำกว่า ๑๒ ปี, อายุ ๑๒-๑๕ ปี, อายุ ๑๓-๑๘ ปี สำหรับกลุ่มผู้ใหญ่แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ วัยทำงาน และวัยผู้สูงอายุ
๓) เลือกสรรเนื้อหาให้เหมาะสมตามวัยผู้เรียน
๔) การดำเนินการสอน ในกลุ่มวัยรุ่นใช้การบรรยายธรรม ทำกิจกรรมกลุ่ม และกิจกรรมเดี่ยว ในกลุ่มผู้ใหญ่มีเทคนิค ๙ ประการ คือ (๑) สอดคล้องกับจริตคน (๒) อธิบายให้ชัดเจน (๓) เริ่มจากง่ายไปยาก จากกว้างไปลึก (๔) ให้ซักถามย้อนกลับ (๕) จูงใจให้ศรัทธา (๖) เร้าใจให้แกล้วกล้า (๗) คนเรียนช้าตามทัน (๘) การฝึกฝนด้วยตนเอง (๙) สร้างส่วนร่วมในการเรียนรู้
๕) การวัดและประเมินผลมี ๓ ระยะ คือ ก่อนฝึก ระหว่างฝึก และเมื่อสิ้นสุดการฝึก มีวิธีการวัดและประเมิน ๓ วิธี คือ (๑) วัดผลและการประเมินตนเอง โดยการติดตามดูอารมณ์ให้เท่าทัน (๒) การสอบอารมณ์โดยพระวิปัสสนาจารย์ และได้รับข้อมูลย้อนกลับถึงผลแห่งการปฏิบัติ (๓) การวัดด้วยเครื่องมือวัดผลเป็นแบบวัดความพึงพอใจและความคิดเห็น
Download |