การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา “การเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรีด้วยกิจกรรมตามแนวพุทธจิตวิทยา : กรณีศึกษานักเรียน ศูนย์ดนตรีดุริยะมิวสิค จังหวัดเพชรบุรี” เด็กแต่ละคนเกิดมาท่ามกลางความคาดหวังที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ครอบครัวที่ประกอบไปด้วย บิดา มารดา ญาติ
เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเรียน เด็ก ๆ จะต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้น สมาธิในการเรียนรู้จึงเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเด็กมีสมาธิก็ส่งผลดีต่อการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้นตามไปด้วย สมาธิก็คือความสามารถในการเลือกเฟ้นสิ่งกระตุ้นที่มีความสำคัญ ร่วมกับความสามารถที่จะคงความสนใจกับสิ่งนั้นได้นานพอ หมายถึง ขณะที่มีการกระตุ้นจากหลาย ๆ สิ่ง เช่น เสียงรถ เสียงครู หรือเสียงเพื่อน เด็กจะต้องเลือกว่าจะสนใจสิ่งไหน และเมื่อสนใจแล้วจะต้องคงความสนใจกับสิ่งนั้นได้ในระยะเวลาที่นานพอ สมาธิเป็นเรื่องของความสามารถทางสมอง ซึ่งเด็กแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ในเด็กเล็กจะมีน้อยกว่าเด็กโต แต่จะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโตขึ้น
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักเรียนศูนย์ดนตรีดุริยะมิวสิค จังหวัดเพชรบุรี สาขาดนตรีสากล ทั้งหมด ๒๐ คน ช่วงอายุระหว่าง ๗ - ๑๕ ปี ได้มาจากตารางของเครซี่ & มอร์แกน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .๐๕ และทำการสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random กลุ่มหนึ่ง ใช้กิจกรรมเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรีของนักเรียน กลุ่มสอง ไม่ใช้กิจกรรมเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรีของนักเรียน นักเรียนฝึกอาทิตย์ละ ๑ ครั้งๆ ละ ๑๐ – ๑๕ นาที จำนวน ๑ วัน/สัปดาห์ เป็นเวลา ๔ สัปดาห์
ผลการศึกษาพบว่าแรงจูงใจในการเรียนดนตรีด้วยกิจกรรมตามแนวพุทธจิตวิทยา หลังการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มด้วยหลักอิทธิบาท ๔ มีคะแนนสูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม ทั้ง ๔ หัวข้อ คือ ก่อนทำกิจกรรมมีระดับฉันทะ ๓.๓๓ หลังทำกิจกรรม ๔.๗๖ ก่อนทำกิจกรรมมีระดับวิริยะ ๓.๓๓ หลังทำกิจกรรม ๔.๗๖ ก่อนทำกิจกรรมมีระดับจิตตะ ๓.๓๓ หลังทำกิจกรรมมีระดับจิตตะ ๔.๗๖ ก่อนทำกิจกรรมมีระดับวิมังสา ๓.๓๓ หลังทำกิจกรรม ๔.๗๖
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ พบว่าก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มด้วยหลักอิทธิบาท ๔ เพื่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๐ ไม่ว่าจะเป็นจากการสังเกตของผู้วิจัย ครูผู้สอนหลักครูผู้สอนสมทบและผู้ปกครอง หรือการสังเกตโดยรวมก็ตาม สอดคล้องกับสมมติฐานของการวิจัย
๑. ได้กิจกรรมกลุ่มด้วยหลักอิทธิบาท ๔ เพื่อพัฒนาการเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรีด้วยกิจกรรมตามแนวพุทธจิตวิทยา
๒. หลังเข้าร่วมกิจกรรมการใช้กิจกรรมกลุ่มด้วยหลักอิทธิบาท ๔ เพื่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรีด้วยกิจกรรมตามแนวพุทธจิตวิทยา นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนดนตรีดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
โดยสรุป กิจกรรมกลุ่มมีผลต่อการเสริมสร้างแรงจูงใจในการเรียนดนตรีของนักเรียน ทำให้นักเรียนมีความพอใจในตนเอง รู้จักตนเอง มีความอุตสาหะ มีสมาธิและรู้จักการวางแผนเพิ่มมากขึ้น
Download
|