การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑. ศึกษาพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ๒. สร้างรูปแบบการเจริญสติเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ๓. เปรียบเทียบพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ได้รับรูปแบบการเจริญสติกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ได้รับรูปแบบการพยาบาลตามปกติ ๔. ศึกษาความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคเบาหวานต่อรูปแบบการเจริญสติ การวิจัยในครั้งนี้ ใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research & Development : R&D) ตามระเบียบวิธีการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Methodology) ใน ๔ ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ ๑ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อศึกษาปัญหาของผู้ป่วยโรคเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ ๒ ที่มารักษาที่คลินิกโรคเบาหวาน โรงพยาบาลลี้ ในปี ๒๕๖๐ จำนวน ๒๙๗ คน ขั้นตอนที่ ๒ สร้างรูปแบบการเจริญสติเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ขั้นตอนที่ ๓ ทดลองใช้รูปแบบการเจริญสติเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยใช้แบบแผนการทดลองจริง (True - Experimental Design) กลุ่มตัวอย่างแบบ ๒ กลุ่ม วัดก่อน-หลัง (The Randomized Pretest – Posttest control group design) เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มเจาะจง จำนวน ๖๐ คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน ๓๐ คน และกลุ่มควบคุม จำนวน ๓๐ คน เครื่องมือที่ใช้ มี ๔ ชนิด คือ ๑) รูปแบบการเจริญสติเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ๒) รูปแบบการพยาบาลตามปกติ ๓) แบบประเมินพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ๔) แบบสัมภาษณ์ความพึงพอใจของผู้ป่วยเบาหวานต่อรูปแบบการเจริญสติ ขั้นตอนที่ ๔ ปรับปรุงรูปแบบการเจริญสติจากผลการทดลองใช้
ผลการวิจัยพบว่า
๑. ด้านพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือ
๑) พฤติกรรมการควบคุมอาหาร ระดับปานกลาง ๒) พฤติกรรมการออกกำลังกาย ระดับน้อยมาก ๓) พฤติกรรมการใช้ยา ระดับมากที่สุด และ ๔) พฤติกรรมการดูแลสุขภาพทั่วไป ระดับน้อย
๒. ด้านการสร้างรูปแบบการการเจริญสติเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน มี ๖ องค์ประกอบ คือ ๑. หลักการ : ยึดผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นสำคัญ กิจกรรมเป็นไปเพื่อส่งเสริมความรู้ความสามารถในการมีพฤติกรรมที่ถูกต้อง ๒. เป้าหมายและวัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ๓. เนื้อหา : การเจริญสติ ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม ๔. วิธีการจัดกิจกรรม : จัดตามแนวคิดของการรับรูความสามารถตนเอง (Self-Efficacy) การใช้ตัวแบบ (Modeling) การใช้คำพูดชักจูง (Verbal Persuasion) ความคาดหวังในผลลัพธ์ของการปฏิบัติ (Outcome Expectation) และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วยหลัก PROMISE Model ๕. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ :โปสเตอร์ วีซีดี ส่วนแหล่งเรียนรู้คือ ที่โรงพยาบาล ๖. การวัดและการประเมินผล : ใช้หลักการประเมินด้วยตนเอง (Self Evaluation) และการประเมินโดยผู้นำกิจกรรม และรูปแบบมีประสิทธิภาพ E1/E2=๘๓.๙๒/๘๕.๘๗
๓. ด้านเปรียบเทียบพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานหลังได้รับรูปแบบการเจริญสติมีคะแนนพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับรูปแบบการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ ซึ่งสอดคล้องกับสมมุติฐาน
๔. ด้านความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีต่อรูปแบบการเจริญสติของกลุ่มทดลองพบว่า มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเจริญสติ อยู่ในระดับมากที่สุด (=๔.๘๗ ) และเมื่อแยกเป็นรายด้าน พบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการเจริญสติอยู่ในระดับมากที่สุดในทุกด้าน โดยเรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านการจัดกิจกรรมในการปฏิบัติ (=๔.๙๒ ) ด้านบรรยากาศในการเรียน (=๔.๙๐ ) ด้านระยะเวลาการปฏิบัติการเจริญสติ (=๔.๙๐) และด้านการประเมินผลในการเรียน (=๔.๗๘)
Download |