การวิจัยมีวัตถุประสงค์ไว้ ๓ ประการได้แก่ ๑) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องรูปแบบการพัฒนาความสันโดษในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย ๒) เพื่อบูรณาการแนวคิดเชิงทฤษฎีหลักการพัฒนาความสันโดษ ในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย และ ๓) เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาความสันโดษในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย ซึ่งผู้วิจัยได้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยแบบประสานวิธี ได้แก่ การวิจัยเชิงปริมาณด้วยวิจัยเชิงสำรวจแจกแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น ๓๖๔ คนโดยใช้สถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิจัยวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกจำนวน ๒๕ คน มีเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาแบบ TAC ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับ รูปแบบการพัฒนาความสันโดษในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย ด้านรูปแบบการพัฒนาความสันโดษในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย โดยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๖๙ เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่าการรักษาทรัพย์สินที่ตนหาได้มา โดยการใช้จ่ายอย่างประหยัดมัธยัสถ์อดออม อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๔ หลักสันโดษที่เป็นเครื่องส่งเสริมให้เกิดความขยันหมั่นเพียร อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๘๔ มีความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในฐานะความเป็นอยู่ของตนเอง อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๗ มีค่านิยมใช้จ่ายซื้อสิ่งของเครื่องใช้ตามความเหมาะสมกับฐานะรายได้หรือความเป็นอยู่ อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๓ บริโภคปัจจัย ๔ ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัยเครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพียงพอแก่ความต้องการอยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๓ การเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหารถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๗๒ ดำรงชีวิตและเป็นอยู่อย่างรู้จักพอ เพียงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๖๓ ใช้วัตถุอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอย เช่นโทรศัพท์มือถือคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ตามความจำเป็นและใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๕๓ ใช้จ่ายเพื่อสนองความต้องการของตนเองโดยคำนึงถึงฐานะรายได้หรือความเป็นอยู่ อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๔๕ มีความยินดีหรือความพอใจตามสมควรแก่ฐานะความเป็นอยู่ของตน อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๒๖ ตามลำดับ ผลการวิจัยพบว่าจากการจำแนกปัญหาการพัฒนาความสันโดษในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย ในโรงเรียนของ สพม. เขต ๙ ทั้ง ๓๖ ประเด็นปัญหา ซึ่งทำให้ผู้วิจัยเห็นว่ากระบวนการพัฒนาเยาวชนแม้ว่าจะเป็นปัญหาระดับชาติ ที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความ สำคัญในฐานะผู้สร้างคนรุ่นใหม่ให้มีพฤติกรรมเชิงจิตสังคมที่ดีมีคุณภาพ เพื่อจะไปพัฒนาประเทศชาติ แต่ด้วยสภาพความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง ที่ทำให้เกิดความสับสนทางด้านการบริหารจัดการเพื่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมค่านิยมดั่งเดิม ทำให้เกิดความบกพร่องของเนื้อหาการพัฒนาเยาวชนเกี่ยวกับความสันโดษไปอย่างน่าเสียดาย จึงทำให้เยาวชนเกิดพฤติกรรมเชิงจิตสังคมที่ไม่พึงประสงค์ อย่างไรก็ตามปัจจัยทางสังคมชุมชนที่สนับสนุนส่งเสริมและขัดแย้งอย่างเช่น ครอบครัวของเยาวชน การได้ตัวแบบที่ดีหรือไม่ดี การแข่งขันภายในโรงเรียน กิจกรรมส่งเสริมไม่เหมาะสม กฎระเบียบ ความขัดแย้ง ความกดดันของกลุ่ม การได้พบประสบการณ์ที่ไม่ดีในชุมชนสังคม สื่อสารมวลชน หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางสังคมชุมชน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปแบบการพัฒนาความสันโดษของเยาวชนแทบทั้งสิ้น การวิเคราะห์ถึงสภาพปัญหารูปแบบการพัฒนาความสันโดษ ในกระบวนการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงจิตสังคมของเยาวชนไทย ซึ่งมีปัจจัยที่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อกระบวนการรู้คิด และการตระหนักรู้ด้วยความเข้าใจถึงปัญหาหลายด้าน ดังนั้น จึงประมวลสรุปปัจจัยที่เป็นปัญหาต่อรูปแบบการพัฒนาความสันโดษในเยาวชนทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ ๑. ด้านครอบครัว ๒. ด้านศาสนา ๓. ด้านชุมชนและสิ่งแวดล้อม ๔. ด้านโรงเรียน ๕. ด้านสื่อสารมวลชน Download