การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาสภาพการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามหลักพุทธบริหารการศึกษา ๒) เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามหลักพุทธบริหารการศึกษา ๓) เพื่อตรวจสอบรูปแบบการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามหลักพุทธบริหารการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี ได้แก่ การวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้ประชากรทั้งหมด จำนวน ๒๖๓ รูป/คน สถิติที่ใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๑๐ รูป/คน สนทนากลุ่ม จำนวน ๑๐ รูป/คน
ผลการวิจัย พบว่า :
สภาพการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามหลักพุทธบริหารการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา พบว่า ผู้บริหารมีความเมตตากับผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อมีปัญหาในการทำงานโดยเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงความคิดเห็น และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการการปฏิบัติงาน การจัดการองค์การและระบบงานมีประสิทธิภาพ โดยมีการเลื่อนขั้นหรือตำแหน่งโดยเพิ่มเงินเดือนให้มากขึ้นและชมเชยให้รางวัลในบางโอกาส กับครูผู้ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม ผู้บริหารส่งเสริมสุขภาวะที่ดีในการปฏิบัติงานของครูด้วยหลักสังคหวัตถุและ พรหมวิหาร
พัฒนารูปแบบการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามหลักพุทธบริหารการศึกษา ๓ ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ ๑ ได้แก่ สภาพแวดล้อม หลักการ วัตถุประสงค์ ส่วนที่ ๒ ได้แก่ ระบบงาน กระบวนการจัดการ ส่วนที่ ๓ ได้แก่ โครงสร้าง การตัดสินใจ แนวทางการประเมิน โดยมีกระบวนการพัฒนาองค์ประกอบของรูปแบบในการสร้างขวัญและกำลังใจ ๖ ด้าน คือ ๑) ลักษณะของผู้นำและความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ๒) ทัศนคติในหน้าที่การงาน ๓) เข้าใจหลักการปฏิบัติงานขององค์กร ๔) การให้บำเหน็จรางวัล การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ๕) สภาพแวดล้อม
ของการทำงาน และ ๖) สุขภาวะของผู้ปฏิบัติงาน บูรณาการด้วยหลักพุทธบริหารการศึกษาที่ผู้บริหารและครูจะต้องประกอบด้วยหลักสังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ทาน ให้ปันสิ่งของ ให้ความช่วยเหลือ ปิยวาจา พูดจาอ่อนหวานต่อกันภายในโรงเรียน อัตถจริยา บำเพ็ญประโยชน์เพื่อองค์กร และสมานัตตตา ปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลายอย่างต่อเนื่องเพื่อการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูอย่างยั่งยืนต่อไป
ตรวจสอบรูปแบบการส่งเสริมขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของครูตามหลัก
พุทธบริหารการศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านจากมากไปหาน้อย พบว่า ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ความเป็นประโยชน์ และความถูกต้อง โดยอาศัยการเข้าใจ เข้าถึงจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยหลักเมตตาธรรม
Download
|