การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อศึกษาการบริหารศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ ๒๓ ตามหลักอิทธิบาท ๔ และ ๒) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ ๒๓ ตามหลักอิทธิบาท ๔ เป็นการวิจัยแบบผสม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้ง ได้แก่ ข้าราชการทหารของ ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ ๒๓ กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของ เครซี่และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๑๒๓ นาย และ กลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๑๒ นาย โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ๑) แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น .๙๗ และ ๒) แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t (t - test) และการทดสอบค่า F (F - test) แบบ One – Way ANOVA และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา (Descriptive analysis) ผลการวิจัย พบว่า: ๑.การบริหารศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ ๒๓ ตามหลักอิทธิบาท ๔ โดยภาพรวม และรายด้าน พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการบริหารปกครองและบังคับบัญชา ตามหลักอิทธิบาท ๔ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ด้านการบริหารงานการเตรียมการ ตามหลักอิทธิบาท ๔ และ ด้านการบริหารการสนับสนุน ตามหลักอิทธิบาท ๔ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากเท่ากัน และ ด้านการบริหารการจัดการศึกษา ตามหลักอิทธิบาท ๔ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ ส่วนที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการบริหารงานธุรการและกำลังพล ตามหลักอิทธิบาท ๔ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ๒. ข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ ๒๓ ตามหลักอิทธิบาท ๔ คือ ๑) ควรมีการแก้ไขปัญหาตรวจสอบประเมิณผลการปฏิบัติงานด้านธุรการและกำลังพล ๒) ควรมีความเอาใจใส่ในงานด้านการเตรียมการ ๓) ควรมีความมุ่งมั่นในงานด้านสนับสนุน ๔) ควรมีความพอใจในงานด้านการปกครองและบังคับบัญชา ๕) ควรคิดค้นหาวิธีการที่จะปรับปรุงและพัฒนางานด้านการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
Download