การศึกษาวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ศึกษาสภาพการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ๒) เปรียบเทียบการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จำแนกตามสถานภาพ ๓) ศึกษาข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน ๒๐ รูป/คน และ ครูผู้สอน จำนวน ๑๕๔ รูป/คน รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๗๔ รูป/คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้ตารางของ เครซี่และมอร์แกน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น .๙๘ และแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่า t-test และ F-test แบบ One way Anova และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า
๑. สภาพการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานี พบว่า โดยภาพรวม และรายด้าน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก โดยด้านที่มีการปฏิบัติสูงสุด คือ ด้านการบริหารงบประมาณยุค ๔.๐ รองลงมา คือ ด้านการบริหารงานบุคคลยุค ๔.๐ และด้านการบริหารงานวิชาการยุค ๔.๐ ตามลำดับ ส่วนด้านที่มีการปฏิบัติต่ำสุด คือ ด้านการบริหารงานทั่วไปยุค ๔.๐
๒. เปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอนเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จำแนกตาม ตำแหน่งหน้าที่ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน พบว่า โดยภาพรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑
๓. ข้อเสนอแนะแนวทางในการส่งเสริมการบริหารสถานศึกษายุค ๔.๐ พบว่า มีดังนี้
๑) ควรส่งเสริมการปฏิบัติงานของบุคลากรโดยยึดหลักคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความถูกต้อง แนะนำและช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ๒) ควรแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการจัดระบบการบริหารการเงิน บัญชี และพัสดุอย่างชัดเจน ด้วยความเป็นธรรมเสมอ ๓) ควรยกย่อง และให้ขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานเพื่อนร่วมงานที่ทำประโยชน์ให้กับส่วนงานอย่างเสมอหน้า ๔) ผู้บริหารควรให้ความช่วยเหลือ และรับฟังความคิดเห็นของครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างสม่ำเสมอ
Download
|