วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาโครงสร้างและเนื้อหาในคัมภีร์ขันธวิภังค์ ๒) เพื่อศึกษาโครงสร้างและเนื้อหาในคัมภีร์ขันธวารวรรค ๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์คำสอนเรื่องขันธ์ ๕ ในคัมภีร์ขันธวิภังค์และขันธวารวรรค โดยจากการศึกษาพบว่า
คัมภีร์ขันธวิภังค์ในอภิธรรมปิฎก พระพุทธองค์ทรงแสดงบนภพดาวดึงส์เป็นครั้งแรก ส่วนคัมภีร์ขันธวารวรรคนั้นปรากฏในสุตตันตปิฎก ความคล้ายคลึงเป็นการรวบรวมคำสอนสำคัญที่เป็นดั้งเดิมเกี่ยวกับขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สะท้อนให้เห็นองค์ประกอบชีวิต เป็นธรรมอันยิ่ง เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเรา สิ่งที่ล้อมรอบตัวเรา และสิ่งที่เป็นแรงบันดาลให้เราค้นหา สามารถพิจารณาเห็นได้ตามสภาวะธรรมารมณ์ได้
การอธิบายตามโครงสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับขันธ์ ๕ และหมวดธรรมที่เกี่ยวข้อง สรุปย่อลงในไตรสิกขาทั้งสิ้น คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งมีข้อแตกต่างกันเพียงการอธิบายปรมัตถธรรมในขันธวิภังค์โดยปฏิเสธบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงกันข้ามกับการอธิบายในขันธสังยุตที่พระพุทธองค์และพระอริย-สาวกแสดงเพื่ออนุโลมตามอัธยาศัยของบุคคล เพื่อให้เกิดความเข้าใจ คลายความสงสัยแล้วน้อมนำไปสู่การปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นสังสารวัฏ
ความหมายของคัมภีร์ทั้งสองมีส่วนที่คล้ายคลึงกัน แตกต่างกันเพียงการจำแนกส่วนธรรมที่เป็นสภาวะแห่งธรรมารมณ์ และประเภท เหตุปัจจัย ลักษณะความสัมพันธ์ก็เช่นเดียวกัน เพราะการอธิบายหลักธรรมเกี่ยวกับขันธ์ ๕ มีความสัมพันธ์กันกับหลักปฏิจจสมุปบาทซึ่งเป็นตัวอธิบายเหตุปัจจัยทั้งหลายที่อิงอาศัยกัน ส่งเสริมให้นามและรูปเกิดขึ้นในสันดานของสัตว์ทั้งหลาย การกำหนดพิจารณาเห็นลักษณะวงจรความเกิดและความดับคือฝ่ายเกิด แสดงให้เห็นว่าการเกิดขันธ์ ๕ เพราะผัสสะกระทบ ถูกปัจจัยปรุงแต่งจึงปรากฏ อวิชชา สังขารเป็นต้น เกิดขึ้นตามโอกาส ๑๑ ลักษณะ มีอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นต้น ส่วนที่เป็นฝ่ายดับ เกิดจากการพิจารณารู้ชัดเห็นความเป็นจริงตามสภาวะแล้วจึงละความยึดมั่น ความเพลิดเพลิน ความยินดีพอใจ และออกจากขันธ์ ๕ ได้ ทำความเห็นสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้อง ในสิ่งที่เกิดขึ้นตามหลักความเป็นจริง คือ “ไตรลักษณ์”
Download |