การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ ๑. เพื่อศึกษาระดับการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสระบุรี ๒. เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสระบุรี ๓. เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสระบุรี
ระเบียบวิธีวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นการสำรวจด้วยแบบสอบถามซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ ๐.๘๙๖ กับกลุ่มตัวอย่าง คือ พระสงฆ์ในสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสระบุรี จำนวน ๒๓๒ รูป ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์ สถิติที่ใช้คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการทดสอบค่าเอฟ ด้วยวิธีวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และงานวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน ๘ รูป/คน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหาเชิงพรรณนา สรุปเป็นความเรียง
ผลการวิจัย
๑. พระสงฆ์ในสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดสระบุรี มีความคิดเห็นต่อระดับการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมใน จังหวัดสระบุรี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย ๔.๒๕ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านแล้ว เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย พบว่า ด้านสถานที่ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย ๔.๓๓ รองลงมาด้านการบริหารจัดการ อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย ๔.๒๖ และด้านวิทยากร อยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย ๔.๑๕ ตามลำดับ
๒. ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมใน จังหวัดสระบุรี จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล พบว่า พระสงฆ์ที่มี สถานภาพ อายุ และวุฒิการศึกษาปริยัติธรรม แผนกบาลี ที่ต่างกัน มีความคิดเห็น ไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัย ส่วนพระสงฆ์ที่มีอายุ พรรษา วุฒิการศึกษาปริยัติธรรม แผนกสามัญ และวุฒิการศึกษาปริยัติธรรม แผนกธรรม ต่างกัน มีความคิดเห็น แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ ๐.๐๕ จึงยอมรับสมมติฐานการวิจัย
๓. ปัญหาในการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสระบุรี ๑)ด้านสถานที่สำนักปฏิบัติธรรมมีสถานที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมบางสำนักปฏิบัติธรรมมีที่พักไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม และมีสถานที่สำหรับเดินจงกรมไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม ๒) ด้านวิทยากรมีพระวิปัสสนาไม่เพียงพอขาดพระอาจารย์ผู้นำสอบความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมบางท่านไม่ค่อยเอาใจใส่เท่าที่ควร และขาดการสนับสนุนทั้งจากคณะสงฆ์และส่วนราชการ ๓) ด้านการบริหารจัดการสำนักปฏิบัติธรรมบางแห่งไม่ค่อยปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ประกาศไว้และไม่สามารถกำหนดใช้บังคับ บางที่ขาดสื่อการสอนที่ทันสมัย และเข้าใจง่าย ไม่มีการติดต่อประสานงานกับชุมชน
ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมวัดให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในจังหวัดสระบุรี ได้แก่ ๑) ด้านสถานที่ ควรเพิ่มจำนวนสำนักปฏิบัติธรรมให้มากกว่าเดิมเพื่อให้ครอบคลุมกับปริมาณของพุทธศาสนิกชนและเป็นการอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติ ด้วยการคัดสรรวัดที่มีความพร้อมด้านสถานที่และสามารถรองรับจำนวนผู้ปฏิบัติธรรมได้ครั้งละมาก ๆ รวมถึงเพิ่มสถานที่เดินจงกรมให้มีความหลากหลายมากกว่าเดิม ๒) ด้านวิทยากร ควรเพิ่มพระวิปัสสนาจารย์ให้มากขึ้นด้วยการจัดให้มีการอบรมเพื่อเพิ่มจำนวนบุคลากรพระวิปัสสนาจารย์ให้มีพอเพียง และมีการนิมนต์พระอาจารย์จากสถานที่อื่นมาช่วยในการสอนกรรมฐาน ขอความร่วมมือทั้งจากทางคณะสงฆ์ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม และหน่วยงานราชการในการช่วยกันสนับสนุนสำนักปฏิบัติธรรมให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ๓) ด้านการบริหารจัดการ แต่ละสำนักควรที่จะมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่จะมาประยุกต์สู่การปฏิบัติและมีการอบรมแสวงหาความรู้ใหม่ๆเพื่อพัฒนาศักยภาพอยู่เสมอ ควรนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น โปรเจ็คเตอร์ มาใช้ประกอบในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อให้ทันกับยุคสมัยและสถานการณ์ปัจจุบันรวมถึงต้องมีการวางแผนเพื่อพัฒนาสำนักปฏิบัติธรรมระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวมีการวางกฎระเบียบและข้อบังคับที่เหมาะสมเพื่อให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม มีการประชาสัมพันธ์และติดต่อประสานงานกับชุมชนในการพัฒนาสำนักปฏิบัติธรรมอย่างใกล้ชิด
Download
|