หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระศรีสัจญาณมุนี (สุมินทร์ ยติกโร)
 
เข้าชม : ๒๑๐๔๓ ครั้ง
การพัฒนารูปแบบการบริหารงานกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิ
ชื่อผู้วิจัย : พระศรีสัจญาณมุนี (สุมินทร์ ยติกโร) ข้อมูลวันที่ : ๐๒/๐๔/๒๐๑๙
ปริญญา : พุทธศาสตรดุษฎีบัญฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหามิตร ฐิตปญฺโญ
  พระครูสุธีคัมภีรญาณ
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๘ มีนาคม ๒๕๖๒
 
บทคัดย่อ

              ดุษฎีนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ๑) ศึกษาพุทธบริหารกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิ ๒) ศึกษาการพัฒนารูปแบบการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิ ๓) ศึกษาแนวโน้มการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิ กลุ่มเป้าหมายคือ เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส นักวิชาการ และเครื่องมือวิจัยใช้ขบวนการเดลฟายคือ กำหนดกลุ่มเชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ จากนั้นสร้างเครื่องมือวิจัย แบบสัมภาษณ์ แบบโครงสร้างที่เที่ยงตรง ถามผู้เชี่ยวชาญ ๓-๔ รอบก่อน ก่อนนำไปสัมภาษณ์ แล้วนำมาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์นั้นๆ ถือว่าเป็นคำตอบที่ชัดเจน งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก คัมภีร์พระพุทธศาสนาอื่นๆ เอกสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา พร้อมเอกสารวิชาการการสื่อสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีพรรณนา

                ผลจากศึกษาพบว่า พุทธบริหารกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิมีการบริหารงานพระธรรมวินัยจะเป็นแบบแผนในการปกครองของคณะสงฆ์จะกล่าวง่ายๆก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญาทั้งสามอย่างนี้ให้รักษาและยึดมั่นในสามหลักการนี้จึงจะเป็นของการบริหารกิจการคณะสงฆ์ให้เกิดให้ถูกต้องและเป็นระเบียบในการปกครอง
การพัฒนารูปแบบการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิพบว่า สร้างความมั่นคงด้านพระพุทธศาสนา ยกระดับกระบวนการบริหารจัดการภายใน พัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้เชิงพุทธ มีทรัพยากรเพียงพอในการขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนา เพิ่มประชากรผู้ศึกษาพระปริยัติธรรมโดยหาคนมาบวชเรียน มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล มีการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้วางเอาไว้
แนวโน้มการบริหารกิจการคณะสงฆ์ในจังหวัดชัยภูมิพบว่า ควรจะปรับเชิงรุกให้มากขึ้นโดยเฉพาะด้านศาสนศึกษา และด้านศึกษาสงเคราะห์ ศาสนศึกษา ควรให้ความสำคัญ เอาใจใส่ สร้างแรงจูงใจในการเรียนบาลี ทั้งทางโลกและทางธรรม เพื่อนำไปประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดี ศึกษาสงเคราะห์ ควรมีหลักธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจบุคคล คือ สังคหวัตถุ ๔ เพื่อทำให้การบริหารกิจการคณะสงฆ์ด้านการศึกษาสงเคราะห์เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ส่วนการปกครอง ต้องยึดแนวทางการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเป็นหลักพร้อมกฎระเบียบ พระราชบัญญัติ กฎหมายการเมือง การรับคนมาบวชก็ต้องมีการคัดกรองความเหมาะสม ไม่ให้เกิดความเสียหาย การเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีการวางแผน เรียนรู้ด้วยสื่อที่หลากหลายมีความทันสมัย ต้องมีการฝึกอบรมเป็นวิทยากรทุกๆปี สาธารณูปการ มีการปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง ปรับปรุง ภูมิทัศน์ ในบริเวณวัดให้มีความร่มรื่น สุขสงบเย็น สะอาด การสาธารณสงเคราะห์ ช่วยเหลือประชาชน อย่างเต็มความสามารถ

Download

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕