การวิจัยเชิงผสมผสานครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อศึกษาแนวคิดการจัดการเรียนรู้และวิธีการดำเนินชีวิตตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดการจัดการเรียนรู้ตามหลักพุทธจิตวิทยาสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ ๔ ๒) เพื่อพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยา และ ๓) เพื่อเสนอรูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนศึกษานารีวิทยา กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔๓ คน โดยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างอย่างง่าย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย ๑) แบบวัดความรู้ความเข้าใจเบื้องต้น ๒) แบบวัดด้านเจตคติความมีเหตุผลต่อความพอเพียง ๓) แบบวัดพฤติกรรมการสร้างภูมิคุ้มกันในตนเอง ๔) แบบวัดการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยาสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ ๔ ๕) แบบสังเกตพฤติกรรม และ ๖) แบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้สถิติการทดสอบความแตกต่างค่าเฉลี่ยก่อนและหลังของกลุ่มตัวอย่างที่ไม่เป็นอิสระจากกัน (Paired-Samples t-test) ในส่วนของข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์ด้วยการจัดกลุ่มข้อมูลตามประเด็นการวิเคราะห์
ผลการวิจัยพบว่า
๑) แนวคิดการจัดการเรียนรู้ และวิธีการดำเนินชีวิตตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดการจัดการเรียนรู้ตามหลักพุทธจิตวิทยาสาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ ๔ ประกอบด้วย การผสานระหว่างทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูม หลักธรรมทางพุทธศาสนา ได้แก่ ปรโตโฆสะ โยนิโสมนสิการ สัมมาทิฏฐิ และภาวนา ๔ การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
๒) กระบวนการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงด้วยหลักพุทธจิตวิทยา ประกอบด้วย ๕ขั้นตอน ได้แก่ ๑. สร้างศรัทธา (Faith) ๒. เสริมแรงจูงใจ (Inspiration) ๓. ให้สะท้อนจิต (Reflection) ๔. คิดวางแผนโครงการ (Planning) และ ๕. สานสู่ปฏิบัติ (Practice)
๓) ผลการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยา ภายหลังการผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยาสำหรับนักเรียนในช่วงชั้นที่ ๔ มีคะแนนทั้ง ๓ ประเด็นสูงขึ้นกว่าก่อนการผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้ฯอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ความรู้ความเข้าใจต่อความพอเพียงพอประมาณในการดำเนินชีวิต (t = ๑๖.๔๒๑, p = .๐๐๐) การแสดงเจตคติความมีเหตุผลต่อความพอเพียง (t = ๒.๐๔๕, p = .๐๔๗) และพฤติกรรมที่บ่งถึงการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง (t = ๕.๓๖๗, p = .๐๐)
ผลการวิจัยสรุปได้ว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยา (FIRPP Model) ประกอบด้วยกระบวนการ ๕ ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่ ๑. สร้างศรัทธา (Faith) ๒. เสริมแรงจูงใจ (Inspiration) ๓. ให้สะท้อนจิต (Reflection) ๔. คิดวางแผนโครงการ (Planning) และ ๕. สานสู่ปฏิบัติ (Practice) เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ สามารถส่งเสริมให้นักเรียนช่วงชั้นที่ ๔ น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ได้ ดังนั้นรูปแบบการจัดการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยา (FIRPP Model) ที่ได้พัฒนาขึ้นในงานวิจัยนี้ จึงสามารถนำไปปรับใช้กับนักเรียนในช่วงชั้นที่ ๔ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้สู่ความพอเพียงตามหลักพุทธจิตวิทยา
Download
|