การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาบุคลลากรตามหลักศีล ๕ สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา เขตบางกอกน้อย สังกัดกรุงเทพมหานคร ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน โดยเริ่มศึกษาถึงสภาพปัจจุบันและปัญหาการพัฒนาบุคลากรตามหลักศีล ๕ ของโรงเรียนประถมศึกษาในเขตบางกอกน้อย โดยใช้แบบสอบถามความคิดเห็นและรับทราบข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกับการพัฒนาบุคลากรในโรงเรียนจากผู้ปกครองนักเรียน จำนวน ๓๓๘ คน วิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ความคิดเห็น และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้ปกครองจำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ด้วยค่าสถิติ t-test ความแปรปรวนทางเดียว one-way ANOVA จากนั้นทำการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาบุคลากรตามหลักศีล๕ สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา
ผลการวิจัย
๑. สภาพการพัฒนาบุคลากรตามหลักศีล ๕ ของโรงเรียนประถมศึกษาเขตบางกอกน้อย ตามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียน มีการดำเนินการในภาพรวม และรายด้าน อยู่ในระดับมาก
๒. ผลการเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้ปกครอง พบว่า เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ที่แตกต่างกัน มีผลทำให้ความคิดเห็นของผู้ปกครองมีความแตกต่างกัน ในทุกด้าน
๓. แนวทางการพัฒนาบุคลากรตามหลักศีล๕ สำหรับโรงเรียนประถมศึกษา เขตบางกอกน้อย พบว่า การรณรงค์เรื่องห้ามฆ่าสัตว์ ต้องรวมถึงการไม่เบียดเบียนและไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่น ได้รับทุกข์ด้วย การรณรงค์เรื่องห้ามลักขโมย ต้องรวมไปถึงการยักยอกเงินหรือการกินนอกกินใน ในองค์กร การขโมยความคิด หรือสิทธิทางปัญญา สิทธิทางวิชาการของคนอื่น เรื่องการผิดศีลข้อ กาเมสุมิจฉาจาร เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อความซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนและการละเมิดสิทธิของผู้อื่น อันเป็นสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งในที่ทำงาน เป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากบุคลากรในโรงเรียน ต้องทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกศิษย์ จึงต้องระมัดระวังมากขึ้น สำหรับเรื่องการไม่พูดปด ต้องรวมถึงการไม่กล่าวนินทาว่าร้าย ส่อเสียด ยุยงให้คนเกิดความแตกแยกกันด้วย สำหรับการรณรงค์ไม่ดื่มสุรา เสพของมึนเมา เป็นเหตุให้ครองสติไม่ได้ต้องรวมไปถึงการเสพติด ของต้องห้ามต่าง ๆ อีกด้วย.
Download |