ดุษฎีนิพนธ์เรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ดังนี้ ๑) เพื่อศึกษาหลักการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพของเจ้าอาวาสในสังคมไทย ๒) เพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมที่ส่งเสริมภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสอย่างมีประสิทธิภาพ ๓) เพื่อนำเสนอรูปแบบการส่งเสริมประสิทธิภาพภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสเชิงพุทธบูรณาการ การวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ ค้นคว้าจากเอกสารและสัมภาษณ์พระสงฆ์และประชาชน จำนวน ๒๑ รูป/คน
ผลการวิจัยพบว่า หลักการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพของเจ้าอาวาส ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ให้สำเร็จทั้ง ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) การปกครอง (๒) การศาสนศึกษา (๓) การศึกษาสงเคราะห์ (๔) การเผยแผ่พระพุทธศาสนา (๕) การสาธารณูปการ (๖) การสาธารณสงเคราะห์ โดยปัญหาที่พบจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสที่ยังมีน้อย และปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าอาวาสที่ยังไม่ได้แสดงออกถึงศักยภาพที่มากพอ
หลักพุทธธรรมที่นำมาใช้ส่งเสริมประสิทธิภาพภาวะผู้นำของเจ้าอาวาส มีดังนี้ ๑) หลักพรหมวิหาร ๔ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ๒) หลักอิทธิบาท ๔ ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา โดยจะต้องเข้าใจบทบาทการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นไป
รูปแบบการส่งเสริมประสิทธิภาพภาวะผู้นำของเจ้าอาวาสเชิงพุทธบูรณาการ แบ่งออกเป็น ๒ ด้าน ดังนี้ ๑) ด้านภาวะการเป็นผู้นำ: เจ้าอาวาสควรมีเมตตา ปรารถนาดีต่อพระภิกษุสามเณรและประชาชนทั่วไปให้อยู่ดีมีความสุข มีความสงสาร ต้องการที่จะช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์ พ้นจากปัญหาที่ขัดข้อง มีความพลอยยินดี เมื่อเห็นผู้อื่นได้รับความสุข หรือประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ด้วยความจริงใจ และมีจิตใจเที่ยงธรรม เป็นกลาง ไม่ตัดสินเอนเอียงด้วยอคติ ไม่ซ้ำเติมเมื่อมีผู้ทำผิดพลาด ๒) ด้านประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่: เจ้าอาวาสต้องมีใจรักในการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขส่วนรวม ด้วยการเสียสละ ขยันหมั่นเพียร กล้าหาญ กระตือรือร้น มุ่งมั่น ทุ่มเท อุทิศตนเต็มที่ พร้อมรับผิดชอบในหน้าที่ และต้องมีการทบทวนตรวจทาน พิจารณาจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น เมื่อเจ้าอาวาสนำหลักพรหมวิหาร ๔ และหลักอิทธิบาท ๔ มาบูรณาการเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพภาวะผู้นำ จะสามารถถึงพร้อมด้วยความรู้คู่คุณธรรม ในการปฏิบัติหน้าที่สนองงานกิจการคณะสงฆ์ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม
Download |