ดุษฎีนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์๓ ประการคือ (๑) เพื่อศึกษาบริบททางสังคมและการอนุรักษ์อัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน (๒) เพื่อศึกษาบทบาทของพระสงฆ์ในการอนุรักษ์อัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ (๓) เพื่อเสนอแนวทางของพระสงฆ์ในการอนุรักษ์อัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเอกสารเชิงคุณภาพด้วยการพรรณนา และการสัมภาษณ์เชิงลึก
ผลการวิจัยพบว่า ชาวไทใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ เช่น ชาวไทดำเป็นต้น ที่ได้รับอิทธิพลของรัฐชาติและวาทกรรมความทันสมัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ของตน ผู้วิจัยได้นำกรณีศึกษาชาวไทใหญ่อธิบายการแปรเปลี่ยนไป ในการแสดงออกของอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ ซึ่งผู้เขียนได้นำเสนอให้เห็นว่า การแสดงอัตลักษณ์ที่แปรเปลี่ยนไป เกิดจากปฏิสัมพันธ์ทางด้านความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้ปกครองและผู้ใต้ปกครอง ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ชาวไทใหญ่ไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อประเทศเข้าสู่กระแสแห่งรัฐชาติ รูปแบบความสัมพันธ์เชิงอำนาจนี้มีอิทธิพลที่ทำให้ “ไทใหญ่” กลายเป็นคนไทย และส่งผลต่อการแสดงออกอัตลักษณ์วัฒนธรรมของชาวไทใหญ่
ดุษฎีนิพนธ์นี้ได้แนวคิดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์อธิบายถึงการเกิดเป็น “รัฐชาติ” การเกิดของ “จิตสำนึกร่วมกัน” ๖ ประการ ได้แก่ (๑) การสืบสายเลือดเดียวกัน (๒) การมีเผ่าพันธุ์ร่วมกัน (๓) มีกลุ่มภาษามาจากรากเหง้าเดียวกัน (๔) มีศาสนาเดียวกัน (๕) มีพื้นฐานดินแดนเดียวกัน (๖) มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมร่วมกันและที่สำคัญนั้นกลไกหรือเงื่อนไขสำคัญที่จะก่อให้เกิด“จิตสำนึกร่วม” เพื่อเป็นกลไกสร้าง “ชาตินิยม” ของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเสนอแนวทางอย่างกว้าง ๓ ประการ คือ (๑) มิติทางประวัติศาสตร์ (๒) ศาสนา (๓) ดินแดนที่ทำให้เป็นคนไทยได้เป็นแบบในการอธิบายและวิเคราะห์แนวทางการอนุรักษ์อัตลักษณ์ของพระสงฆ์ไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ๖ ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านภาษา ๒) ด้านวัฒนธรรม ๓) ด้านศิลปะ ๔) ด้านอาหาร ๕) ด้านเครื่องแต่งกาย และ ๖) การเป็นอยู่
Download |