ปัจจุบัน ธุรกิจคือ พลังสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่อารยธรรมมนุษย์ เป็น พลังขับเคลื่อนสังคมโลกให้เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ในขณะเดียวกัน การมุ่งแสวงหา ผลประโยชน์สูงสุดของเหล่านักธุรกิจก็ได้สร้างปัญหาจำนวนมากเช่นเดียวกัน สามารถพบเห็นอย่าง สม่ำเสมอไม่ว่าที่ใดๆบนโลก ไม่ว่าจะเป็นการเอารัดเอาเปรียบ การแข่งขันที่ปราศจากความเมตตา ปรานี และการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ อย่างไม่รู้จบ จนก่อให้เกิดปัญหา แก่ผู้คน สังคมและสิ่งแวดล้อมจนยากที่จะเยียวยารักษา ทำให้นักวิชาการ นักการศาสนา และนัก ธุรกิจจำนวนหนึ่ง เห็นพ้องต้องกันว่า จำเป็นที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการดำเนิน ธุรกิจกระแสหลัก เพื่อให้ธุรกิจอำนวยประโยชน์และเกื้อกูลอารยธรรมมนุษย์ให้มากที่สุด แต่ ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างปัญหาน้อยที่สุดแก่สังคม พร้อมกับการสร้างความสุขแก่สถานที่ทำงาน โดยพยายามเสนอให้นำคุณค่าทางศาสนาและจิตวิญญาณ เข้ามาเป็นรากฐานของกระบวนทัศน์ใน การดำเนินธุรกิจ กระบวนทัศน์ทางเลือกใหม่นี้จึงเริ่มเป็นที่แพร่หลาย และได้รับความนิยมมากขึ้น งานวิจัยฉบับนี้ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษา จริยศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจของ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ผ่านการศึกษาและตีความคำสอนเกี่ยวกับการประกอบการงานที่ ถูกต้องดีงามเพื่อนำเสนอและสร้างองค์ความรู้ใหม่แก่จริยศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจของ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท รวมทั้งเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยคุณธรรมตามหลักการของ พระพุทธศาสนาสัมมาอาชีวะ หรือการดำเนินงานที่ปราศจากการเบียดเบียนใดๆ ทั้งทางกายและวาจา อันเป็นหนึ่งในมรรคมีองค์ ๘ คือแนวทางที่พระพุทธเจ้าได้ทรงวางไว้ให้แก่ผู้ประกอบอาชีพการ งานในพุทธกาล ผู้ที่มีวิถีชีวิตในโลกที่ยังเกี่ยวเนื่องกับการสร้างรายได้ วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ คือความ พยายามค้นหาความหมายใหม่ของหลักการสัมมาอาชีวะ ที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ในสังคมกสิ กรรม ในบริบทร่วมสมัย เพื่อให้เข้ากับสังคมเทคโนโลยีในปัจจุบัน พร้อมกับการค้นหาแนวคิด สำคัญทางพระพุทธศาสนา เพื่อพัฒนาเป็นพุทธกระบวนทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ให้เป็นแนวทาง หลักแก่นักธุรกิจสมัยใหม่ในการดำเนินธุรกิจที่เกื้อกูลทุกชีวิตในสังคม ประกอบด้วย ๔ องค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจในโลกยุคใหม่ ได้แก่ แกนมโนทัศน์ หรือระบบความเชื่อทางธุรกิจ จุดประสงค์ทางธุรกิจ หลักการดำเนินงาน และวัฒนธรรมองค์กร คำตอบต่อข้อสงสัยที่ว่า การบูรณาการศาสนาและธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันจะทำอย่างไร ที่นักวิชาการ และนักธุรกิจทั่วโลกกำลังค้นหากันอยู่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาทฤษฎีสมัยใหม่ตามหลักการทาง วิทยาศาสตร์ที่ยังไม่มีผู้ค้นพบ แต่อยู่ใกล้ตัวมนุษย์ ซึ่งหยั่งรากลึกอยู่ในภูมิปัญญาตะวันออก และอยู่ เคียงคู่อารยธรรมมนุษย์มาแสนนาน ที่เรียกว่า “พระพุทธศาสนา” ท้ายที่สุด งานวิทยานิพนธ์ฉบับนี้จะยกตัวอย่างกรณีศึกษาของ ๓ องค์กร ที่ดำเนินธุรกิจ ภายใต้หลักการสัมมาอาชีวะ อย่าง สันติอโศก เครือข่าย FWBO และอภัยภูเบศร นำธุรกิจให้ เจริญเติบโตไปพร้อมๆ กับการน้อมนำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักในการบริหาร ดำเนินงาน สามารถที่จะสร้างเอกภาพให้แก่ชีวิตของผู้ทำงาน และสร้างเอกภาพให้แก่สังคมโลก ความสำเร็จของทั้งสามองค์กรแสดงให้เห็นว่า การดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดของพระพุทธศาสนา ตามหลักการสัมมาอาชีวะเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง และสะท้อนถึงความเป็นสากลของพุทธธรรม ที่ ครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ไม่ยกเว้นแม้แต่โลกธุรกิจ ทั้งๆ ที่แต่ละองค์กร มีความแตกต่างกันในแง่การ ดำเนินธุรกิจ แต่มีความเหมือนกันที่แต่ละองค์กรมีการประยุกต์หลักคำสอนของพระพุทธศาสนา มา ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ วัฒนธรรม และสังคมของตน ในวิถีเฉพาะตน องค์กรทั้งสามได้พิสูจน์ให้เห็นว่าหลักการสัมมาอาชีวะเป็นจริยธรรมทางธุรกิจที่ สร้างรายได้ และสร้างความเติบโตแก่องค์กรอย่างต่อเนื่องมั่นคง เป็นการสร้างธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมๆกับการสร้างประโยชน์แก่สังคม ตลอดจนเป็นการพัฒนาจิตใจ และเป็นมรรคาในการพัฒนา ชีวิตของผู้ทำงานสู่จุดหมายสูงสุด ความสำเร็จขององค์กรทั้งสามแสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนา และธุรกิจไม่ใช่อุดมการณ์ที่สวนทาง ไม่ใช่เส้นขนานที่ไม่บรรจบ แต่คือเส้นตรงเดียวกันที่ไม่ สามารถแยกขาดจากกันได้ Download : 255179.pdf