บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ (๑) เพื่อศึกษากระบวนการและขั้นตอน การระงับอธิกรณ์ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษากระบวนการและขั้นตอนการระงับอธิกรณ์ในคณะสงฆ์ไทย (๓) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบกระบวนการและขั้นตอนการระงับอธิกรณ์ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากับกฎมหาเถรสมาคม
ผลการศึกษาพบว่า ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงแบ่งปัญหาออกไป ๒ ประเภท คือ (๑) ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องศีลาจารวัตร การประพฤติปฏิบัติที่แตกต่างกัน (๒) ปัญหาเกี่ยวกับกิจของสงฆ์ ที่ต้องกระทำตามหน้าที่ให้เสร็จ และเครื่องมือที่พระพุทธเจ้าทรงออกแบบ คืออธิกรณสมถ ๗ เป็นเครื่องมือที่แยกวิธีการออกจากปัญหา โดยมีจุดมุ่งหมาย (๑) เพื่อรักษา หลักพระธรรมวินัย (๒) เพื่อให้สงฆ์ใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการกับผู้ประพฤติละเมิดพระธรรมวินัย (๓) เพื่อความปรองดองในหมู่สงฆ์ แต่ละเครื่องมือประสานสอดคล้องซึ่งกันและกันมีทั้งวิธีการและเป้าหมายรวมอยู่ด้วยกัน สำหรับกระบวนการและขั้นตอนการระงับอธิกรณ์ในคณะสงฆ์ไทย ตามกฎมหาเถรสมาคมได้นำแนวคิดกระบวนการทางกฎหมายของราชอาณาจักรมาช่วยส่งเสริมสนับสนุนฝ่ายพุทธจักรให้เข้มแข็งด้วยพยายามที่จะทำให้การแก้ปัญหาใกล้เคียงกับทางพระวินัย มากที่สุดแต่ยังอิงหลักการในทางกฎหมายเป็นหลักซึ่งยังไม่สอดคล้องกับคัมภีร์พระพุทธศาสนา
ผลการเปรียบเทียบกระบวนการและขั้นตอนการระงับอธิกรณ์ระหว่างคัมภีร์พระพุทธศาสนากับกฎมหาเถรสมาคม พบว่า มีจุดมุ่งหมายในการกำหนดแนวทางในการระงับอธิกรณ์ที่แตกต่างกัน โดยคัมภีร์พระพุทธศาสนามีแนวคิดในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการระงับอธิกรณ์ด้วยวิธีการแยกปัญหา แยกเครื่องมือ แยกประเภทบุคคล แต่ละเครื่องมือประสานสอดคล้องซึ่งกันและกันมีทั้งวิธีการและเป้าหมายรวมอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีการจัดการความขัดแย้ง ในแนวทางการป้องกัน (Prevention) การเปลี่ยนผ่าน (Transformation) การแก้ไข (Resolution) และการฟื้นฟู (Restoration) แต่กระบวนการขั้นตอนและวิธีการระงับอธิกรณของคณะสงฆ์ไทย ได้รับวิวัฒนาการมาจากกฎหมายของราชอาณาจักรทำให้มุ่งเน้นหลักการลงโทษตามกฎหมายที่เป็นเพียงส่วนหนึ่งตามหลักพระวินัยเท่านั้น ที่ยังมุ่งเน้นการรักษาหลักพระธรรมวินัย และการสร้าง ความสมานฉันท์ในหมู่สงฆ์ ตามจุดมุ่งหมายที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แต่ดั้งเดิม
ดังนั้น ในการดำเนินการระงับอธิกรณ์ของคณะสงฆ์ไทยคณะสงฆ์ควรมีการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจและพัฒนาองค์ความรู้ให้ประสานสอดคล้องกันในเรื่องแนวทางวิธีการประยุกต์ใช้เครื่องมือโดยเฉพาะกฎมหาเถรสมาคมให้สอดคล้องกับพระธรรมวินัยเพื่อใช้ในการระงับอธิกรณ์อย่างเป็นรูปธรรม สามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้อย่างจริงจัง ควบคู่กับการเผยแพร่ความรู้ในการปกครองดูแล พระนวกะที่พรรษายังไม่พ้น ๕ จะต้องปกครองดูแลให้ได้รับการศึกษาพระธรรมวินัย และประพฤติปฏิบัติอยู่ในสัมมาปฏิบัติ อันจะก่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมสงฆ์และสังคมภายนอกได้ต่อไป
ดาวน์โหลด
|