บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ๑)เพื่อศึกษาหลักสมชีวิธรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการครองเรือนในสังคมไทย๓) เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้หลักสมชีวิธรรมกับการครองเรือนในสังคมไทยปัจจุบันเป็นการวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการรวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์สำคัญของพระพุทธศาสนาเถรวาทคือ พระไตรปิฎก อรรถกถา และเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาวิเคราะห์เรียบเรียง บรรยายเชิงพรรณนา จากนั้นนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบความถูกต้อง
ผลของการวิจัยพบว่าสมชีวิธรรมหมายถึงหลักธรรมสำหรับดำเนินชีวิตสม่ำเสมอ หรือจริยธรรมที่ทำให้สามีภรรยาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ประกอบด้วยหัวข้อธรรม ๔ ประการคือ สมสัทธามีศรัทธาเสมอกันสมสีลามีศีลเสมอกัน สมจาคามีจาคะเสมอกัน และสมปัญญามีปัญญาเสมอกัน หลักธรรมทั้ง ๔ ข้อนี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตกับผู้อื่นและมีเป้าหมายร่วมกันที่เหมาะสมไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด ซึ่งจะนำความสงบร่มเย็นและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่การอยู่ร่วมกัน
สภาพและปัญหาการครองเรือนในสังคมไทยพบว่า สภาพการครองเรือนของสังคมไทยปัจจุบันอยู่ในภาวะที่ไม่แน่นอนเนื่องมาจากการพัฒนาและทิศทางของสังคมสมัยใหม่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนของครอบครัวแต่เน้นไปที่ความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและรัฐขาดนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับความมั่นคงของการครองเรือน ทำให้การครองเรือนของสมาชิกในครอบครัวเกิดปัญหาทั้งทางด้านเศรษฐกิจสุขภาพจิต ปัจจัยพื้นฐานขาดแคลน เป็นต้นเป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งหรือทะเลาะวิวาท การหย่าร้าง จนเกิดปัญหากับเด็กซึ่งเป็นเยาวชนที่ต้องเติบโตขึ้นมาในภาวะที่ขาดแคลนและมีปัญหาทุกอย่างซึ่งเป็นภาระและอุปสรรคของการพัฒนาสังคมมนุษย์ให้เจริญ
การประยุกต์ใช้หลักสมชีวิธรรมในการครองเรือนคือ สามีภรรยาผู้ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและยั่งยืนจะต้องนำหลักสมชีวิธรรมมาประยุกต์ใช้ร่วมกันคือ ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา ศรัทธาในสิ่งถูกต้องเป็นเครื่องช่วยในการตัดสินใจและกำลังใจในการดำเนินชีวิต ศีลเป็นส่วนป้องกันความชั่วร้ายและปัญหาหนักที่จะเกิด จาคะการเสียสละ มุ่งประโยชน์ที่เป็นธรรม ทำให้เกิดการเอื้อเฟื้อ จิตอาสา ส่วนปัญญาเป็นกุญแจสำคัญที่ต้องพัฒนาไปร่วมกัน ปัญญาต้องตั้งอยู่บนหลักสัจธรรมและความมีเหตุผลเสมอ โดยนำไปใช้ในเป็นประจำทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน และทุกปี
ดาวน์โหลด
|