บทคัดย่อ
สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการคือ ๑) เพื่อศึกษาญาณในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษากระบวนการของญาณในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท โดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์
พุทธศาสนาเถรวาทคือ พระไตรปิฎก อรรถกถา รวมทั้งข้อมูลจากเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาเรียบเรียง บรรยาย ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า
“ญาณ” คือญาณทัสสนะ เป็นอริยญาณ หรืออริยปัญญา เป็นปัญญาระดับสูงสุดใน
พุทธศาสนา เป็นญาณที่รู้เห็นสภาวปรมัตถธรรมตามที่เป็นจริง คือนามและรูปปรมัตถ์ตามความเป็นจริง โดยกระบวนการของญาณมีการเข้าประกอบในบทธรรมทั้งปวงที่เป็นฝ่ายกุศล (กุสลา ธมฺมา) และที่เป็นฝ่ายอัพยากฤต (อพฺยากตา ธมฺมา) ยกเว้นบทธรรมฝ่ายอกุศล (อกุสลา ธมฺมา) ที่กระบวนการของญาณไม่มีการเข้าประกอบ อนึ่ง องค์ฌานทั้งปวงก็มีกระบวนการของญาณเข้าประกอบทั้งสิ้น ทั้งมีความเกิด-ดับทุกขณะจิต กระบวนการของญาณมีการรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรมตามความเป็นจริงเป็นลักษณะ มีการกำจัดความหลงทำให้แจ่มแจ้งเป็นกิจ มีความไม่หลงเป็นผลปรากฏ มีสมาธิเป็นเหตุใกล้ โดยกระบวนการของญาณเป็นไปตามลำดับในวิสุทธิ ๗ และญาณ ๑๖ ให้สำเร็จกิจส่งทอดกันเป็นชั้นๆ ไม่สลับขั้นตอนกัน ประหานกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษเป็นสมุจเฉทปหานภายในขณะจิตเดียวเท่านั้น มัคคญาณใดที่เคยเกิดแล้วแก่บุคคลใด มัคคญาณนั้นจักไม่เกิดแก่บุคคลนั้นอีก ดังนั้น ตลอดกาลนิรันดร์ของบุคคลหนึ่งๆ ย่อมสิทธิ์ที่มัคคญาณเกิดได้สี่ขณะจิตเท่านั้น ไม่ยิ่งและหย่อนกว่านี้ ผู้ที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ใน ๒๖ ภูมิ (เว้นสุทธาวาส ๕) มัคคญาณจึงยังไม่เคยเกิดเลย สิทธิ์ทั้งสี่จึงยังอยู่ครบถ้วนเท่าเทียมกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประเภท คือพระปัญญาธิกสัมพุทธเจ้า พระวีริยาธิกสัมพุทธเจ้า พระสัทธาธิกสัมพุทธเจ้า รวมตลอดถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทุกประเภท มี
พระอสีติมหาสาวก พระอรหันตปฏิสัมภิทา เป็นต้น ย่อมมีการสร้างสมสั่งสมพระบารมีมายิ่งยวดเข้มข้นที่แตกต่างกันในด้านต่างๆ ตลอดทั้งระยะเวลาที่ไม่เท่ากันก็มี ต่อเมื่อขณะที่ตรัสรู้ล้วนต้องตรัสรู้ด้วยมัคคญาณ คือพระสัพพัญญุตญาณ กล่าวคือบรรลุด้วยญาณทัสสนะภายในขณะจิตเดียวของ
มัคคญาณนั้นๆ ทั้งสิ้น ผลญาณเกิดขึ้นต่อทันทีโดยไม่มีระหว่างคั่น (อกาลิโก) เป็นวิบากตามระดับการสร้างสมบารมีของแต่ละพระองค์แต่ละท่าน
ดาวน์โหลด |