บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการนำหลักอุบาสกธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตของสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกา อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา และเพื่อเปรียบเทียบการนำหลักอุบาสกธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตของสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกา อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ตามตัวแปรเพศและอายุ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ สมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกา อำเภอ โนนไทย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๒๕๒ คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test)
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า
๑. การนำหลักอุบาสกธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิตของสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกา อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมาก จำนวน ๔ ด้าน และอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน ๑ ด้าน เมื่อเรียงลำดับค่าเฉลี่ยในแต่ละด้านจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านมีศรัทธา ด้านไม่แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้ ด้านมีศีล ด้านทำอุปการะในศาสนานี้ก่อน และด้านไม่ถือมงคลตื่นข่าว เชื่อมงคล เชื่อกรรม ตามลำดับ
๒. การเปรียบเทียบการนำหลักอุบาสกธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต ของสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกา อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามเพศ พบว่า การนำหลักอุบาสกธรรม มาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยภาพรวมไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .๐๕ และเมื่อพิจารณาเป็น รายด้าน พบว่า ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .๐๕ เช่นเดียวกัน ส่วนด้านทำอุปการะในศาสนานี้ก่อนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕ โดยสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกาที่เป็นเพศหญิงมีการนำหลักอุบาสกธรรม มาใช้ในการดำเนินชีวิตโดยเฉลี่ยสูงกว่าสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกาที่เป็นเพศชาย
๓. การเปรียบเทียบการนำหลักอุบาสกธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต ของสมาชิกชมรมอุบาสกอุบาสิกาอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา จำแนกตามอายุ โดยภาพรวมและรายด้าน พบว่า การนำหลักอุบาสกธรรมมาใช้ในการดำเนินชีวิต โดยภาพรวมไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .๐๕ และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ทุกด้านไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญ .๐๕ เช่นเดียวกัน
ดาวน์โหลด
|