บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ (๑) ศึกษาความตายตามทัศนะของพุทธทาสภิกขุ (๒) ศึกษาความตายตามทัศนะของอัลแบร์ กามูส์ และ (๓) ศึกษาเปรียบเทียบความตายของพุทธทาสภิกขุและอัลแบร์ กามูส์ และการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงเอกสาร โดยศึกษาข้อชั้นปฐมภูมิและข้อมูลชั้นทุติยภูมิ แล้วนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบตามหลักวิชาการซึ่งผลการวิจัยพบว่า
พุทธทาสภิกขุ มองว่าชีวิตคือการปฎิบัติหน้าที่ความตายคือจิตว่างจากอุปาทาน ดังนั้น ความตายไม่มี องค์ประกอบของความตายคือกาย จิต วิญญาณ ประเภทคือตายตามธรรมชาติ และตายผิดธรรมชาติ คุณค่าของความตายมีทั้งภายในและภายนอก ชีวิตหลังความตายขึ้นอยู่กับกิเลส ถ้าจิตมีกิเลสก็จะเวียนว่ายตายเกิดตามหลักของสังสารวัฏ
อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) มีความเห็นว่าชีวิตคือการแสดงของตัวละครให้เห็น
ภาพการดำเนินชีวิตประจำวันของมนุษย์และเป็นนามธรรม ความตายเป็นสสารนิยม องค์ประกอบของความตายเป็นการสร้างสารัตถะขึ้นมา เพื่อสร้างคุณค่าของตนเอง อัลแบร์ กามูส์ไม่ได้กล่าวถึงประเภทของความตายโดยตรง เพียงแต่ว่าสภาวะของมนุษย์ไม่มีสารัตถะที่แน่นนอนตายตัว และมนุษย์มีความผูกพันกับเวลาและความสุขอันเป็นคุณค่าที่แสดงความสัมพันธ์มนุษย์กับโลก และสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวมนุษย์เองเท่านั้น
ชีวิตมนุษย์ตามทัศนะของพุทธทาสภิกขุกับอัลแบร์ กามูส์ มีความสอดคล้องกัน คือ การทำประโยชน์ให้ดีที่สุด เป็นหน้าที่ของคนที่มีชีวิตอยู่ และมีความแตกต่างกันตามธรรมชาติ ความตายเป็นสิ่งหนึ่งของชีวิตและอัลแบร์ กามูส์กล่าวว่าความตายเป็นนามธรรม ใช้จุดหมาย ไม่มีแก่นสาร องค์ประกอบของความตายคือ กาย จิต วิญญาณ และอัลแบร์ กามูส์เห็นว่าย่อมไม่ตาย แต่อัลแบร์ กามูส์ กล่าวว่า การทำหน้าที่ของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด
โดยสรุป ความตายตามทัศนะทั้ง ๒ ท่าน เป็นเรื่องนามธรรมไม่มีตัวตนเป็นการเข้ามายึดถือโดยจิตของมนุษย์เท่านั้นและทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์เท่านั้นที่อยู่บนโลกและตอบสนองความต้องการตามสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเองในแต่ละวันสุดท้ายแล้วมนุษย์ต้องตายเป็นต้น
ดาวน์โหลด |