บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ตามหลักพรหมวิหารธรรมในโรงเรียน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารในโรงเรียน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 3) เพื่อศึกษาปัญหา และข้อเสนอแนะจากการนำหลักพรหมวิหารธรรมไปใช้ในการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในโรงเรียน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยศึกษากับกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้บริหารและครูในสถานศึกษาอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2558 จำนวน 130 คน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงสำรวจรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบโดยการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างจึงทำการเปรียบเทียบรายคู้ โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Different : LSD) และสรุปข้อมูลปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ โดยวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้
ผลการวิจัยพบว่า
1) การบริหารงานวิชาการของผู้บริหาร และครู โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากทุกข้อ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการพัฒนาการกระบวนการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด กับด้าน การวัดผล ประเมินผลและเทียบโอนการเรียน รองลงมา คือ การพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา และด้านการบริหารหลักสูตร มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ตามลำดับ
2) ผลการเปรียบเทียบการศึกษาหลักพรหมวิหารธรรม ที่มีผลการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานต่างกัน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕
3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้านที่มีการเสนอแนะมากที่สุดคือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยเฉพาะในประเด็นควรจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับหลักสูตร รองลงมาได้แก่ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ในประเด็นควรจัดครูให้ครบชั้นเรียน
ดาวน์โหลด
|