บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาหลักอริยมรรคมีองค์ 8 (2) เพื่อศึกษาปัญหาของการปฏิบัติราชการของไทย และ (3) เพื่อศึกษาแนวทางการประยุกต์ใช้หลักอริยมรรคมีองค์ 8 เพื่อแก้ปัญหาของการปฏิบัติราชการของไทย ดำเนินการวิจัยโดยการศึกษาหลักอริยมรรคมีองค์ 8 จากพระไตรปิฎก หนังสือของปราชญ์ทางพุทธศาสนา หนังสือและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักอริยมรรคมีองค์ 8 ศึกษาปัญหาของการปฏิบัติราชการของไทยจากกฎหมายและระเบียบราชการ กฎ กฎเกณฑ์ หลักเกณฑ์ และหลักการต่างๆ จากเว็บไซต์ของส่วนราชการ ตลอดจนเว็บไซต์ที่มีชื่อสียงเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป และศึกษาแนวทางการประยุกต์จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หนังสือวิชาการ ตลอดจนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป และเอกสารชั้นทุติยภูมิ ได้แก่ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ ตำราวิชาการ หนังสือ เอกสาร สิ่งตีพิมพ์ทางวิชาการ รวมทั้งข้อมูลและความรู้ทางอินเตอร์เน็ต นำข้อมูลและความรู้ที่ได้มาจัดประเภทตามหัวเรื่องที่กำหนด แล้วทำการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ตีความ อธิบายข้อมูลเชิงพรรณนา เรียบเรียงและนำเสนอข้อมูลและข้อเสนอแนะ
ผลการวิจัยพบว่า
1. หลักอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น เกี่ยวข้องกับหลักอริยสัจ 4 หลักไตรสิกขา หลัก อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท และหลักไตรลักษณ์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาพฤติกรรมหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องดีงามทางกาย วาจา จิตใจ และทิฐิของมนุษย์ ซึ่งมีการพัฒนาไปตามหลักอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาทซึ่งเป็นหลักมัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง และใช้แนวทางของศีล สมาธิ และปัญญา ตามหลักไตรสิกขา เนื่องจากหลักอริยมรรคมีองค์ 8 สรุปลงได้ในหลักไตรสิกขา แต่เรียงลำดับใหม่เป็น ปัญญา ศีล สมาธิ แสดงให้เห็นถึงการเน้นเรื่องปัญญา อย่างไรก็ตามทั้งไตรสิกขาและอริยมรรคมีองค์ 8 ล้วนเป็นหลักธรรมที่เป็นไปตามหลัก อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท กล่าวคือ ศีลเป็นเหตุปัจจัยของสมาธิ สมาธิเป็นเหตุปัจจัยของปัญญา และปัญญาเป็นเหตุปัจจัยของศีล อาจกล่าวได้ว่าทั้งศีล สมาธิ และปัญญาต่างก็เป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ยังมีหลักธรรมที่ส่งเสริมการปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์ 8 ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะภายใน 6 และกฎแห่งกรรม
2. ปัญหาของการปฏิบัติราชการสามารถสรุปได้ 3 ประการ ประกอบด้วย ( 1 ) ปัญหาพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องดีงามของข้าราชการ ซึ่งต้องแก้ไขให้ข้าราชการเป็นข้าราชการที่ดีมีคุณธรรม จริยธรรม มีพฤติกรรมในการปฏิบัติราชการที่ถูกต้องดีงามทางกาย วาจา และจิตใจ ( 2 ) ปัญหาวิธีปฏิบัติราชการที่ไม่ถูกต้องของข้าราชการ ซึ่งต้องแก้ไขให้ข้าราชการใช้ปัญญาในการปฏิบัติราชการให้ถูกต้องตามนโยบาย กฎหมาย ระเบียบราชการ และหนังสือสั่งการต่างๆ และ ( 3 ) ปัญหางานราชการไม่บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ ซึ่งต้องแก้ไขให้งานราชการเกิดประสิทธิผล ประสิทธิภาพ คุณภาพ และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การบริหาร การปกครอง โดยปัญหาของการปฏิบัติราชการทั้ง 3 ประการนี้ ล้วนแต่ต้องใช้ร่างกาย วาจา จิตใจ ความคิด สติ ปัญญา ความเพียร และสมาธิ ในการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติราชการในทางที่ถูกต้องดีงามทั้งสิ้น
3. แนวทางการประยุกต์ใช้หลักอริยมรรคมีองค์ 8 เพื่อแก้ปัญหาของการปฏิบัติราชการทั้ง 3 ประการดังกล่าว โดยเน้นการพัฒนาทิฐิของข้าราชการให้เป็นสัมมาทิฐิ เพื่อให้เป็นหลักธรรมนำวิถีการกระทำทางจิตใจหรือมโนกรรมให้เป็นสัมมาสังกัปปะ การกระทำทางวาจาหรือวจีกรรมให้เป็นสัมมาวาจา การกระทำทางกายหรือกายกรรมให้เป็นสัมมากัมมันตะ โดยมีหลักธรรมที่เป็นกำลังอันประกอบด้วยสัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เป็นกำลังที่ก่อให้เกิดสัมมาทิฐิ เพื่อนำไปสู่การมีสัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา และ สัมมากัมมันตะ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นในการแก้ปัญหาของการปฏิบัติราชการทั้ง 3 ประการดังกล่าว เพื่อให้ข้าราชการปฏิบัติราชการให้เป็นสัมมาอาชีวะ โดยพัฒนาองค์มรรคทั้ง 8 ประการไปพร้อมๆกันตามหลักมรรคสมังคี รวมทั้งหลักธรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หลักอริยสัจ 4 หลักไตรสิกขา หลักอิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท และหลักไตรลักษณ์ ประกอบกับหลักธรรมที่ส่งเสริมการปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์ 8 ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะภายใน 6 และกฎแห่งกรรม
ดาวน์โหลด
|