บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช 2) เพื่อศึกษาการปฏิบัติงานของบุคลากร โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช และ 3) เพื่อศึกษาการบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของบุคลากร โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นครูโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จำนวน 10 โรงเรียน ซึ่งมีจำนวน 221 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของเคร็ซซี่และมอร์แกน สุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีการสุ่มตามระดับชั้นอย่างเป็นสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบการถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า
1. การบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยรวมทั้ง 4 ด้าน อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านมุทิตา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านเมตตา ส่วนด้านอุเบกขา มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
2. การปฏิบัติงานของบุคลากร โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช โดยรวมทั้ง 6 ด้าน อยู่ในระดับมาก พบว่า ด้านการปฏิบัติตามกฎ มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านความรู้เกี่ยวกับงาน ส่วนด้านคุณภาพงาน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
3. การบริหารงานตามหลักพรหมวิหารธรรมของผู้บริหารจำนวน 2 ด้าน คือ การปฏิบัติงานด้านมุทิตา กับการปฏิบัติงานด้านอุเบกขา ซึ่งส่งผลทางบวกต่อการปฏิบัติงานของบุคลากร โรงเรียนสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนตัวแปรที่เหลืออีก 2 ด้าน ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสามารถสร้างสมการได้ ดังนี้
สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ
Ỹ = 1.866 (Constant) +.073 (เมตตา) +.028 (กรุณา) +.262 (มุทิตา) +.194 (อุเบกขา)
สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน
Ž = .092 (เมตตา) +.038 (กรุณา) +.348 (มุทิตา) +.269 (อุเบกขา)
ดาวน์โหลด
|