บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน ๒) เปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ที่แตกต่างกัน และ ๓) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 3 ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 3 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 390 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 200 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจาก ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) เครื่องมือที่ใช้ เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีค่าความเชื่อมั่น ๐.๙03 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t- test) ทดสอบด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว One – Way ANOVA (F-test) และทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยรายคู่ ด้วยวิธีผลต่างนัยสำคัญ LSD (Least Significant Difference)
ผลการวิจัยพบว่า
๑) การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน หัวหน้างานวิชาการ และหัวหน้ากลุ่ม
สาระการเรียนรู้ โดยรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา คือ ด้านการจัดการเรียนการสอน กับด้านการวัดผลประเมินผลและดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ส่วนด้านการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษามีค่าเฉลี่ยต่ำสุด
๒) ผลการเปรียบเทียบบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 3 ที่มี เพศ อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานต่างกัน ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05
๓) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 3 ด้านที่มีการเสนอแนะมากที่สุดคือ ด้านการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยเฉพาะในประเด็น ควรจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับหลักสูตร รองลงมา คือ ด้านการวัดผลประเมินผลและดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน
ในประเด็น การจัดอบรมให้ความรู้แก่ครูผู้สอนเกี่ยวกับระเบียบและการดำเนินการวัดและประเมินผล
ดาวน์โหลด
|