บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) เพื่อศึกษาระดับการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ โรงเรียนรางวัลพระราชทานจังหวัดนครสวรรค์ ๒) เพื่อเปรียบเทียบการใช้หลักอิทธิบาท ๔ ระหว่างผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครูในโรงเรียนรางวัลพระราชทานจังหวัดนครสวรรค์ ๓) เพื่อศึกษาปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ โรงเรียนรางวัลพระราชทานจังหวัดนครสวรรค์
ดำเนินการวิจัยด้วยระเบียบวิธีวิจัยเชิงผสมผสาน (Mixed Methods Research) เก็บข้อมูลเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) โดยมีค่าความเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ .๘๗๙ กลุ่มตัวอย่างคือ ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนรางวัลพระราชทานจังหวัดนครสววรค์จำนวน ๗๖ คน และเก็บข้อมูลวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้แบบสัมภาษณ์ ด้วยการสัมภาษณ์เชิญลึก (In-Depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ (Key Informants) จำนวน ๘ ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ (Frequency) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) โดยการทดสอบค่าที (t-test) การทดสอบเอฟ (F-test)) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One Way ANOVA) หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ตามวิธีของสเปียร์แมน (Spearman rank-order Correlation Coefficient) และสรุปข้อมูลปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ผลการวิจัย พบว่า ระดับการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ โรงเรียนรางวัลพระราชทานตามทัศนะของข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนที่ได้รับพระราชทานรางวัลโรงเรียนรางวัลพระราชทานในเขตจังหวัดนครสวรรค์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต ๑ และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์เขต ๓ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (= ๔.๖๒ ) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ทุกด้านอยู่ในระดับมากที่สุดเช่นเดียวกัน โดยด้านจิตตะและวิมังสา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด (=๔.๖๗ รองลงมาคือด้านวิริยะ (=๔.๖๒) และด้านฉันทะ (=๔.๕๔) ตามลำดับ
เมื่อเปรียบเทียบระดับทัศนะของข้าราชการครูเกี่ยวกับการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ โรงเรียนรางวัลพระราชทานจังหวัดนครสวรรค์ โดยจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคลต่างๆ คือ เพศ อายุ ระดับการศึกษา และประสบการณ์ทำงาน พบว่า ทัศนะของครูผู้สอนไม่แตกต่างกันทุกด้าน
ในด้านความสัมพันธ์ของตัวแปรย่อยในหลักอิทธิบาท ๔ กับภาพรวมของการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ พบว่า ตัวแปรย่อยในหลักอิทธิบาท ๔ ในด้านฉันทะ (rs = .๕๕๖) ด้านวิริยะ (rs = .๖๑๕) ด้านจิตตะ (rs = .๖๐๖) และด้านวิมังสา (rs = .๕๗๕) มีความสัมพันธ์ระดับสูงกับภาพรวมของภาพรวมของการบริหารงานของผู้บริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท ๔ อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๑
ดาวน์โหลด |