บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อวัตถุประสงค์ข้อที่ ๑) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร วัตถุประสงค์ข้อที่ ๒) เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร วัตถุประสงค์ข้อที่ ๓) เพื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรย่อยของหลักสังคหวัตถุ ๔ กับความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร วัตถุประสงค์ข้อที่ ๔) เพื่อนำเสนอแนวทางที่พึงประสงค์ในการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก
โดยศึกษากับกลุ่มตัวอย่างคือผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนขนาดเล็ก ในอำเภอขาณุวรลักษบุรีจังหวัดกำแพงเพชร สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากำแพงเพชร เขต ๒ จำนวน ๓๒๗ คน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบโดยการทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าที (t-test ) ในกรณีตัวแปรต้นสองตัว การทดสอบเอฟ (F-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One way ANOVA ) เมื่อพบว่ามีความแตกต่างกันจึงทำการเปรียบเทียบรายคู่โดยมีผลต่างนัยสำคัญน้อยที่สุด (Least Significant Difference : LSD ) และหาความสัมพันธ์โดยการหาค่าสัมประสิทธิ์ตามวิธีของสเปียร์แมน (Spearman rank-order Correlations Coefficient) และสรุปข้อมูลปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ โดยการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้
ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = ๔.๐๐) เมื่อพิจารณาในแต่ละด้านพบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน
เมื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร โดยจำแนกตามวุฒิการศึกษาของผู้ปกครองพบว่า ผู้ปกครองนักเรียนที่มีวุฒิการศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นต่อการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของโรงเรียนขนาดเล็ก ในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร โดยภาพรวมไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๕ ดังนั้นจึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ และเมื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาตามหลักสังคหวัตถุ ๔ ของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร โดยจำแนกตามอาชีพของผู้ปกครองพบว่าในภาพรวมผู้ปกครองนักเรียนที่มีอาชีพต่างกันมีความคิดเห็นต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กโดยภาพรวมไม่แตกต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๕ จึงปฏิเสธสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้
เมื่อหาความสัมพันธ์ของตัวแปรย่อยของหลักสังคหวัตถุ ๔ กับความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กในอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร ได้แก่ทาน ปิยวาจา สมานัตตตา และอัตถจริยา พบว่ามีความสัมพันธ์กันสูงเชิงบวกที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .๐๑ จึงต้องยอมรับสมมติฐานการวิจัยที่ตั้งไว้
แนวทางการประยุกต์ใช้หลักสังคหวัตถุ ๔ ต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่พึงประสงค์ตามความคิดเห็นของผู้ปกครองพบว่า ด้านทาน ครูต้องมีความคิดสร้างสรรค์วางแผนการสอน มีเทคนิคการสอนที่หลากหลายเพื่อเร้าความสนใจของนักเรียน ทุ่มเวลาการสอนเอาใจใส่ต่อเด็ก ด้านปิยวาจา ครูต้องมีความรับผิดชอบ พูดจาสุภาพไพเราะ และเป็นแบบอย่างที่ดี ด้านสมานัตตตา โรงเรียนต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน ครูพบปะพูดคุยกับผู้ปกครองเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการการพัฒนาและอบรมนักเรียนและด้านอัตถจริยา งบประมาณควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน เช่นจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน นักเรียนต้องได้เรียนรู้จากสื่อเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มพูนความรู้และทันต่อเหตุการณ์
ดาวน์โหลด
|